ผู้นำพรรค Bharatiya Janata นาย Narendra Modi จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอินเดียในวันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคมนี้
ความหวังของชาวอินเดียต่อผู้นำคนใหม่นี้มีมากแค่ไหน เห็นได้จากคะแนนเสียงที่ประชาชนทุ่มให้ และนับเป็นครั้งแรกในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ที่พรรคที่ชนะการเลือกตั้ง ได้คะแนนเสียงมากกว่าครึ่งหนึ่งในสภาฯที่มีที่นั่งทั้งหมด 543 ที่นั่ง
สภาผู้แทนราษฎรของอินเดียเปิดสมัยประชุมเมื่อวันอังคาร และนาย Narendra Modi นายกรัฐมนตรีคนใหม่วัย 63 ปีของอินเดีย กล่าวต่อที่ประชุมว่า ประชาชนได้แสดงความเชื่อมั่นในประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่งในการลงคะแนนเสียงครั้งนี้
คณะกรรมการการเลือกตั้งของประเทศเปิดเผยว่ามีผู้ไปใช้สิทธิ์มากถึง 66% จากจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศ 815 ล้านคน
เขากล่าวว่าการที่พรรคฯ ของเขาได้คะแนนเสียงข้างมาก แสดงให้เห็นถึงความหวัง ความเชื่อ และความไว้วางใจของประชาชน
นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอินเดียเร่งเร้าสมาชิกของพรรคฯ ให้อุทิศตนทำงานเพื่อประชาชนในยุคใหม่ของความรับผิดชอบ และให้คำมั่นว่าจะทำงานเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของคนยากจน เยาวชนและผู้หญิงของประเทศ
นอกจากชัยชนะอย่างท่วมท้นแล้ว นักวิเคราะห์บอกว่า นับเป็นครั้งแรกที่มีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในอินเดียในลักษณะเดียวกันกับการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยนาย Modi ออกไปโฆษณาหาเสียงด้วยการพูดถึงความสำเร็จของเขาในตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ Gujarat
พรรค Congress ซึ่งปกครองประเทศมาเป็นเวลา 10 ปี ประสบการพ่ายแพ้อย่างหนัก ได้เพียง 44 ที่นั่ง ไม่ถึง 10% ที่จำเป็นต้องได้สำหรับการรับหน้าที่เป็นพรรคฝ่ายค้านหลักในสภาฯ
นาย Rafiq Dossani นักวิเคราะห์เอเชียใต้ของบรรษัท RAND ให้สัมภาษณ์กับ VOA จากนครมุมไบว่า ชัยชนะของพรรค Bharatiya Janata ครั้งนี้จะส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับสหรัฐได้ในหลายด้าน
นักวิเคราะห์ของ RAND ผู้นี้ให้ตัวอย่างในเรื่องที่สหรัฐและอินเดียจะร่วมมือทำงานกันได้ เช่น ข้อตกลงเรื่องเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ของปี ค.ศ. 2008 การเปิดภาคธุรกิจขายปลีกให้กับธุรกิจดต่างประเทศ กฎหมายเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศ และกฎหมายอนุญาตให้มหาวิทยาลัยต่างประเทศเข้าไปจัดตั้งวิทยาเขตในอินเดีย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทั้งสหรัฐและพรรค Congress มีความเห็นร่วมกัน แต่กรณีอื้อฉาวเรื่องคอร์รัปชั่นในรัฐบาลผสมชุดที่แล้ว ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอัมพาต
โฆษกทำเนียบ White House ได้กล่าวแสดงความยินดีต่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอินเดีย และเปิดเผยว่า ประธานาธิบดี Barack Obama ได้โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับนาย Modi ในวันศุกร์ และได้เชื้อเชิญให้เขาเดินทางไปเยือนกรุงวอชิงตันแล้วด้วย
ทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ นักวิเคราะห์ผู้นี้เชื่อว่า อินเดียจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในเอเชียเคียงข้าง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ในขณะที่อาจมีความเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้นและโอนอ่อนผ่อนตามจีนน้อยลง ที่เป็นห่วงคือความสัมพันธ์กับปากีสถานซึ่งเป็นคู่แข่งกันมาตลอด
วงการธุรกิจของอินเดียเองมีความหวังว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะดำเนินนโยบายที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมากใน Gujarat มาใช้ในระดับชาติด้วย
Rick Rossow นักวิจัยอาวุโสของ Center for Strategic and International Studies ในกรุงวอชิงตัน บอกว่าจากการสนทนากับผู้นำทางธุรกิจของอินเดีย สรุปความเห็นได้ว่า คนเหล่านั้นต้องการการเปลี่ยนแปลง เช่น ความสม่ำเสมอในเรื่องกฎข้อบังคับ การปฏิรูปเศรษฐกิจ และลดคอร์รัปชั่น
และในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของอินเดีย นาย Narendra Modi นักชาตินิยมชาวฮินดูที่ไต่เต้าจากบุตรชายเจ้าของแผงลอยขายน้ำชา ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องขยายฐานการสนับสนุนและปรับสไตล์การปกครองของเขาให้ครอบคลุมกว้างขวาง สำหรับประเทศที่มีประชากรหลากหลายมากถึง 1 พัน 2 ร้อยล้านคนแล้ว
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ Manoj Joshi ของ Observer Research Foundation บอกว่า ไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะดำเนินการนโยบายในประเทศและต่างประเทศอย่างไร งานสำคัญที่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหนยึดมั่นมาตั้งแต่อินเดียได้รับอิสรภาพเมื่อปี ค.ศ. 1947 คือความรู้สึกกดดันที่จะต้องพยายามช่วยให้ประชาชนหลุดพ้นความยากจนให้ได้
ประชาชนที่ลงคะแนนเสียงให้กับนาย Narendra Modi นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอินเดีย ก็หวังว่าเขาจะสามารถทำงานตามที่ให้คำมั่นไว้ได้
ความหวังของชาวอินเดียต่อผู้นำคนใหม่นี้มีมากแค่ไหน เห็นได้จากคะแนนเสียงที่ประชาชนทุ่มให้ และนับเป็นครั้งแรกในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ที่พรรคที่ชนะการเลือกตั้ง ได้คะแนนเสียงมากกว่าครึ่งหนึ่งในสภาฯที่มีที่นั่งทั้งหมด 543 ที่นั่ง
สภาผู้แทนราษฎรของอินเดียเปิดสมัยประชุมเมื่อวันอังคาร และนาย Narendra Modi นายกรัฐมนตรีคนใหม่วัย 63 ปีของอินเดีย กล่าวต่อที่ประชุมว่า ประชาชนได้แสดงความเชื่อมั่นในประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่งในการลงคะแนนเสียงครั้งนี้
คณะกรรมการการเลือกตั้งของประเทศเปิดเผยว่ามีผู้ไปใช้สิทธิ์มากถึง 66% จากจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศ 815 ล้านคน
เขากล่าวว่าการที่พรรคฯ ของเขาได้คะแนนเสียงข้างมาก แสดงให้เห็นถึงความหวัง ความเชื่อ และความไว้วางใจของประชาชน
นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอินเดียเร่งเร้าสมาชิกของพรรคฯ ให้อุทิศตนทำงานเพื่อประชาชนในยุคใหม่ของความรับผิดชอบ และให้คำมั่นว่าจะทำงานเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของคนยากจน เยาวชนและผู้หญิงของประเทศ
นอกจากชัยชนะอย่างท่วมท้นแล้ว นักวิเคราะห์บอกว่า นับเป็นครั้งแรกที่มีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในอินเดียในลักษณะเดียวกันกับการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยนาย Modi ออกไปโฆษณาหาเสียงด้วยการพูดถึงความสำเร็จของเขาในตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ Gujarat
พรรค Congress ซึ่งปกครองประเทศมาเป็นเวลา 10 ปี ประสบการพ่ายแพ้อย่างหนัก ได้เพียง 44 ที่นั่ง ไม่ถึง 10% ที่จำเป็นต้องได้สำหรับการรับหน้าที่เป็นพรรคฝ่ายค้านหลักในสภาฯ
นาย Rafiq Dossani นักวิเคราะห์เอเชียใต้ของบรรษัท RAND ให้สัมภาษณ์กับ VOA จากนครมุมไบว่า ชัยชนะของพรรค Bharatiya Janata ครั้งนี้จะส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียกับสหรัฐได้ในหลายด้าน
นักวิเคราะห์ของ RAND ผู้นี้ให้ตัวอย่างในเรื่องที่สหรัฐและอินเดียจะร่วมมือทำงานกันได้ เช่น ข้อตกลงเรื่องเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ของปี ค.ศ. 2008 การเปิดภาคธุรกิจขายปลีกให้กับธุรกิจดต่างประเทศ กฎหมายเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศ และกฎหมายอนุญาตให้มหาวิทยาลัยต่างประเทศเข้าไปจัดตั้งวิทยาเขตในอินเดีย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทั้งสหรัฐและพรรค Congress มีความเห็นร่วมกัน แต่กรณีอื้อฉาวเรื่องคอร์รัปชั่นในรัฐบาลผสมชุดที่แล้ว ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอัมพาต
โฆษกทำเนียบ White House ได้กล่าวแสดงความยินดีต่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอินเดีย และเปิดเผยว่า ประธานาธิบดี Barack Obama ได้โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับนาย Modi ในวันศุกร์ และได้เชื้อเชิญให้เขาเดินทางไปเยือนกรุงวอชิงตันแล้วด้วย
ทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ นักวิเคราะห์ผู้นี้เชื่อว่า อินเดียจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในเอเชียเคียงข้าง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ในขณะที่อาจมีความเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้นและโอนอ่อนผ่อนตามจีนน้อยลง ที่เป็นห่วงคือความสัมพันธ์กับปากีสถานซึ่งเป็นคู่แข่งกันมาตลอด
วงการธุรกิจของอินเดียเองมีความหวังว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะดำเนินนโยบายที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมากใน Gujarat มาใช้ในระดับชาติด้วย
Rick Rossow นักวิจัยอาวุโสของ Center for Strategic and International Studies ในกรุงวอชิงตัน บอกว่าจากการสนทนากับผู้นำทางธุรกิจของอินเดีย สรุปความเห็นได้ว่า คนเหล่านั้นต้องการการเปลี่ยนแปลง เช่น ความสม่ำเสมอในเรื่องกฎข้อบังคับ การปฏิรูปเศรษฐกิจ และลดคอร์รัปชั่น
และในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของอินเดีย นาย Narendra Modi นักชาตินิยมชาวฮินดูที่ไต่เต้าจากบุตรชายเจ้าของแผงลอยขายน้ำชา ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องขยายฐานการสนับสนุนและปรับสไตล์การปกครองของเขาให้ครอบคลุมกว้างขวาง สำหรับประเทศที่มีประชากรหลากหลายมากถึง 1 พัน 2 ร้อยล้านคนแล้ว
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ Manoj Joshi ของ Observer Research Foundation บอกว่า ไม่ว่านายกรัฐมนตรีจะดำเนินการนโยบายในประเทศและต่างประเทศอย่างไร งานสำคัญที่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดไหนยึดมั่นมาตั้งแต่อินเดียได้รับอิสรภาพเมื่อปี ค.ศ. 1947 คือความรู้สึกกดดันที่จะต้องพยายามช่วยให้ประชาชนหลุดพ้นความยากจนให้ได้
ประชาชนที่ลงคะแนนเสียงให้กับนาย Narendra Modi นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอินเดีย ก็หวังว่าเขาจะสามารถทำงานตามที่ให้คำมั่นไว้ได้
