เศรษฐกิจอินเดียก้าวหน้าเป็นอันดับที่สองรองจากจีนติดต่อกันมาหลายปีแล้ว และในขณะที่อินเดียกำลังเติบโต ฐานะของผู้คนก็ปรับเพิ่มขึ้นพร้อมกันไปด้วย ทำให้ความต้องการสินค้าประเภท Brand Name หรูหราทันสมัย ทันแฟชั่นเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
หนุ่มสองพี่น้อง Rituraj และ Rajat Chowdury ไปหาซื้อของขวัญให้กับมารดาเนื่องในโอกาสครบรอบการแต่งงาน 25 ปี ที่ DLF Emporio Mall ในกรุงนิวเดลี และของขวัญที่สองหนุ่มตัดสินใจซื้อ คือกระเป๋าถือยี่ห้อ Burberry เพราะอยากจะหาของที่พิเศษจริงๆให้คุณแม่
มอลล์แห่งนี้มีร้านขายของประเภทดีไซเน่อร์หลายร้าน รวมทั้งร้านขายสูท Armani รองเท้าของ Jimmy Choo และกระเป๋าถือของ Louis Vuitton
คุณ Sanjay Kapoor กรรมการผู้จัดการของบริษัท Genesis ซึ่งนำสินค้าหรูเข้าไปขายหลายยี่ห้อ บอกว่า อินเดียกำลังสร้างสินทรัพย์และความมั่งคั่งอย่างมหาศาล และเมื่อมีเงิน ผู้คนก็จะจับจ่ายใช้สอย ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่จะอดออมเพื่อการศึกษา หรือซื้อบ้านพักอาศัย
ลูกค้าสำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยเหล่านี้ นอกจากจะเป็นนักธุรกิจและผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จแล้ว ยังมีคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ รวมทั้งคนทั่วไปที่มีรายได้ปีละ 10,000 – 20,000 ดอลล่าร์ หรือระหว่างสามถึงหกแสนบาท ที่อยากจะใช้นาฬิกา กระเป๋าถือ และรองเท้าของดีไซเน่อร์กับเขาด้วย
ในปีที่แล้ว ยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยในอินเดียเพิ่มขึ้นเกือบ 20% คิดเป็นเงินเกือบหกพันล้านดอลล่าร์ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปถึงหนึ่งหมื่นห้าพันล้านดอลล่าร์ในอีกสี่ปีข้างหน้า
อุปสรรคสำคัญที่จะทำให้ไปไม่ถึงเป้าหมายที่คาดไว้ ตามความเห็นของคุณ Tikka Shatrujit Singh ผู้จัดการใหญ่ของบริษัท Louis Vuitton ในอินเดีย คือโครงสร้างสำหรับสินค้าประเภทนี้ ซึ่งหมายถึง ชอปปิ้ง มอลล์ และร้านขายปลีกที่ยังมีไม่พอ
คุณ Tikka บอกว่า จะต้องมีการพัฒนานาคร จะต้องสร้างมอลล์ ควรจะสร้างมอลล์สัก 100 แห่ง หรืออย่างน้อยก็อีก 20-30 แห่ง และว่าจุดเปลี่ยนสำคัญคือ เมื่อคนชั้นกลางเริ่มหันมาซื้อสินค้าประเภทนี้ อย่างคุณ Neha Agarwal นักวิชาชีพวัย 30 ที่บอกว่า เธอกำลังมองหากระเป๋าถือของนักออกแบบชื่อดัง เพราะกำลังเป็นที่นิยมในอินเดีย และใครที่มีเงิน ก็ซื้อหามาใช้กันทั้งนั้น