ตัวเลขนี้ต่างกับคำสัญญาของนายกรัฐมนตรี Narendra Modi แบบหน้ามือเป็นหลังมือ ผู้นำอินเดียย้ำตอนเข้าดำรงตำเเหน่งในปี ค.ศ. 2014 หรือเมื่อ 5 ปีที่แล้วว่า เศรษฐกิจอินเดียจะเติบโตขึ้น เเต่ไม่ถึง 4 เดือนหลังขึ้นดำรงตำเเหน่งต่อเป็นสมัยที่ 2 เพราะชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคม ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ของอินเดียที่ซบเซาก็สร้างความกังวลแก่ทุกฝ่าย
นักเศรษฐศาสตร์ N.R. Bhanumurthy เเห่งสถาบันเเห่งชาติด้านการเงินเเละนโยบายสาธารณะ (National Institute of Public Finance and Policy) กล่าวว่า เศรษฐกิจที่ชะลอตัวของอินเดียรุนเเรงกว่าที่นักวิเคราะห์หลายคนอาจคาดคิด
ทางสถาบันได้เตือนหลายครั้งเมื่อปีที่แล้วว่าภาวะเศรษฐกิจอินเดียจะถดถอย เเต่ไม่มีใครใส่ใจคำเตือนนี้ เขากล่าวว่า รัฐบาลอินเดียกำลังเริ่มเข้าใจบ้างเเล้วในตอนนี้ว่ามีปัญหาเศรษฐกิจจริงๆ เเม้ว่าจะยังไม่ออกมาเเสดงความเห็นด้วยอย่างเป็นทางการ
และนี่เป็นบททดสอบความเป็นจริงสำหรับอินเดีย ประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในโลกจนกระทั่งเมื่อปีที่ผ่านมา เเละผลกระทบที่ชัดเจนเกิดกับภาคผลิตรถยนต์ที่สร้างงานทั้งทางตรงเเละทางอ้อมเเก่คนราว 35 ล้านคน เเละเป็นส่วนหลักของภาคอุตสาหกรรมการผลิตของอินเดีย
ยอดขายรถยนต์โดยสารส่วนบุคคลร่วงลงมากที่สุดในรอบ 20 ปี เเละในเดือนสิงหาคม ยอดขายได้ลดลงมากกว่าร้อยละ 30 นี่ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดปิดโรงงานหลายแห่งชั่วคราวในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่รถยนต์ขายไม่ออกและการลดกำลังผลิตทำให้คนงานหลายพันคนเสี่ยงตกงาน
ในขณะเดียวกัน การชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ก็กระทบต่อคนชั้นกลางหลายหมื่นคนที่ลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่เคยสร้างเสร็จ
โครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ หยุดชะงักเพราะสาเหตุหลายอย่าง ผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยจำนวนมากหมดเงินลงทุน หลังจากนายกฯ โมดีตัดสินใจเมื่อปี 2015 ในการกำจัดเงินสกุลอินเดียไปถึงร้อยละ 80 นอกจากนี้ การขอเพิ่มเงินกู้จากธนาคารที่เจอกับสภาพหนี้เสียก็ยากมากขึ้น
หลังจากปฏิเสธปัญหาเศรษฐกิจมานานหลายเดือน รัฐบาลอินเดียกำลังพยายามหาทางเเก้ปัญหา ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีคลัง Nirmala Sitharaman ได้จัดแถลงข่าวถึงสามครั้งเพื่อประกาศมาตรการหลายอย่างเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการตั้งกองทุนเพื่อใช้ในการเดินหน้าโครงการที่อยู่อาศัยที่สร้างไม่เสร็จ เเละการออกเงินกู้เเก่ผู้ส่งออกและรัฐบาลอินเดียยังสัญญาว่าจะใช้จ่ายเงินมากขึ้นในโครงการก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐาน
เเต่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนกลัวว่า มาตรการเหล่านี้อาจจะไม่พอในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้นในอนาคตอันใกล้ เเละเริ่มกังขาความเป็นของแผนของนายกฯ โมดี ที่จะทำให้เศรษฐกิจอินเดียมีมูลค่า 5 พันล้านภายในปี ค.ศ. 2025 หรือใน อีก 6 ปี หลายคนเรียกร้องให้นายกฯ โมดีออกมาทำอะไรมากกว่านี้
เเละเเม้ว่านายกฯ โมดีจะยังได้รับความนิยมหลังชนะการเลือกตั้งสมัยที่สองอย่างล้นหลามในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวกำลังก่อให้เกิดความไม่พอใจต่อรัฐบาล
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)