การประชุมร่วมช่วงครึ่งแรกของปีระหว่างธนาคารโลกกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ที่กรุงวอชิงตันเสร็จสิ้นลงเมื่อวันเสาร์ที่ 16 เมษายน และนายโดมินิค สเตร๊าท์ คานส์ ผู้จัดการใหญ่ของ IMF ชี้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกเท่าที่ผ่านมายังไม่เพียงพอ และแนวความคิดเดิมๆ ที่ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศหนึ่งจะนำไปสู่การขยายตัวในจุดอื่นๆ นั้นอาจใช้การไม่ได้อีกต่อไปและขณะนี้โลกต้องการแนวคิดใหม่เกี่ยวกับลักษณะการเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งจะช่วยสร้างงานทั่วโลก
ผู้จัดการใหญ่ของ IMF กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ที่เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างรวดเร็วแต่ปัญหาการว่างงานยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เกิดความไม่พอใจและความไม่สงบขึ้นในบางประเทศ เช่นอียิปต์และตูนีเซีย และรัฐมนตรีคลังของบรรดาประเทศสมาชิก IMF ที่เข้าร่วมประชุมก็ยอมรับถึงปัญหาเรื่องนี้
ขณะเดียวกัน IMF ได้เน้นถึงความสำคัญของความร่วมมือและการทำงานร่วมกันแบบพหุภาคี เพื่อช่วยสอดส่องและแก้ปัญหาความเสี่ยงต่างๆ เสียแต่เนิ่นๆ เพื่อลดโอกาสของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยระดับโลกขึ้นอีก ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังของ G-20 ซึ่งประชุมกันที่กรุงวอชิงตันเช่นกันได้เห็นด้วยกับการใช้มาตรการและกระบวนการต่างๆ เพื่อติดตามสอดส่องปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่นปัญหาหนี้ภาครัฐหรือการขาดดุลงบประมาณจำนวนมาก รวมทั้งยอดได้เปรียบหรือเสียเปรียบดุลการค้าจำนวนมหาศาล เพื่อให้ข้อมูลล่วงหน้าที่จะใช้ป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจโลกตกอยู่ในภาวะถดถอยได้อีก โดยในชั้นแรกนั้นเจ็ดประเทศที่จะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดคือสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส อังกฤษ และอินเดีย และข้อมูลทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกกลุ่ม G-20 รายอื่นๆ จะถูกนำมาวิเคราะห์ในเวลาต่อไป
