กัมพูชาและฝรั่งเศสลงนามข้อตกลงความช่วยเหลือมูลค่า 235 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน น้ำดื่ม และอบรมด้านวิชาชีพ หลังการเยือนตะวันตกครั้งแรกของฮุน มาเนต ผู้นำกัมพูชาคนใหม่
ข้อตกลงดังกล่าวเป็นหนึ่งในความพยายามเพื่อเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสองชาติที่ยังมีอยู่หลังกัมพูชาประกาศอิสรภาพจากฝรั่งเศส อดีตเจ้าอาณานิคมในปี 1953
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้เข้าพบกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาคร็อง แห่งฝรั่งเศส ที่พระราชวังเอลิเซ เพื่อประกาศการลงนามร่วมกัน ซึ่งถือเป็นการเดินทางเยือนขั้วอำนาจชาติตะวันตกครั้งแรกของผู้นำคนใหม่ที่ขึ้นสู่อำนาจต่อจากฮุน เซน อดีตนายกฯ ผู้เป็นพ่อ
ฮุน มาเนต กล่าวว่า “กัมพูชาจะจดจำบทบาทของฝรั่งเศสเสมอในเรื่องการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจผ่านสำนักงานพัฒนาแห่งฝรั่งเศส” และหวังว่าการเยือนฝรั่งเศสและการพบกับประธานาธิบดี จะทำให้ได้หารือเรื่องที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ
การพบกับมาคร็องเกิดขึ้นไม่กี่เดือนหลังฝรั่งเศสและประเทศในสหภาพยุโรป ร่วมแสดงท่าทีวิตกกังวลต่อการเลือกตั้งทั่วไปในกัมพูชาเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่พรรคฝ่ายค้านหลักถูกกีดกันออกจากการลงแข่งขันทางการเมือง และพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ที่เป็นพรรครัฐบาล สามารถกวาดที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรแทบทั้งหมด
ก่อนการเยือนฝรั่งเศส ฮุน มาเนต ได้พบกับซาแมนธา พาวเวอร์ หัวหน้าสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างการประชุมเศรษฐกิจโลก World Economic Forum
สม รังษี อดีตผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชาที่ลี้ภัยอยู่ในฝรั่งเศส วิจารณ์มาคร็องในช่องทางเฟซบุ๊กของตนเอง และบทความใน The Geopolitics กรณีการไปให้ความชอบธรรมกับผู้นำกัมพูชาคนใหม่
สม รังษีระบุว่า “ไม่มีสัญญาณเลยว่า มาคร็องและผู้นำชาติตะวันตกอื่น ๆ จะเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงผลกระทบที่มองไม่เห็นที่เกิดจากการให้การยอมรับและความเชื่อถือกับเผด็จการอย่างฮุน มาเนต”
ที่ผ่านมา ชาติประชาธิปไตยที่บริจาคเงินทุนให้กับกัมพูชาส่วนมากต่างมองข้ามปัญหาเสรีภาพทางการเมืองและสิทธิมนุษยชน แล้วไปมุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือกับรัฐบาลใหม่มากกว่า
หลังขึ้นสู่อำนาจ ประเทศแรกที่ ฮุน มาเนต เดินทางไปเยือนคือประเทศจีน ที่ซึ่งกัมพูชาให้การสนับสนุนมาเป็นเวลานานแลกกับการรับเงินลงทุน เงินกู้ และเงินทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเขาได้เข้าพบประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่มหาศาลาประชาคม กรุงปักกิ่ง ในการเยือนดังกล่าว
- ที่มา: วีโอเอ
กระดานความเห็น