การศึกษานี้ได้รวบรวมข้อมูลจากผู้สูบบุหรี่ 3,000 ล้านคนทั่วโลกรวมทั้ั้งการสัมภาษณ์ตัวต่อตัวหลายพันคนได้แสดงให้เห็นว่ากลุ่มสนับสนุนยาสูบเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสูบบุหรี่ของคนทั่วโลก การศึกษาชิ้นนี้มุ่งศึกษาการสูบบุหรี่ในประเทศรายได้ต่ำถึงปานกลาง 14 ประเทศ แล้วนำข้อมูลไปเปรียบเทียบกับสองประเทศพัฒนาเเล้วคือสหรัฐอเมริกาและสหราชอณาจักร
ด็อกเตอร์แกรี่ โจวีนโน่ แห่งภาควิชาการสาธารณสุข มหาวิทยาลัย University of Buffalo ในรัฐนิวยอร์ค เป็นหัวหน้าทีมที่ศึกษาเรื่องนี้ เขากล่าวว่าการสูบบุหรี่สร้างภาระใหญ่หลวงแก่ระบบการบริการทางสาธารณสุขในประเทศพัฒนาแล้วและคาดว่าจะเกิดปัญหาเดียวกันนี้ในอนาคตอันใกล้กับประเทศรายได้น้อยและปานกลางและเริ่มเกิดปัญหานี้แล้วในอินเดีย
ข้อมูลจากการศึกษาของด็อกเตอร์โจวีนโน่ชี้ว่าจีนนำหน้าโดยมีคนสูบบุหรี่ 300 ล้านคนตามด้วยอินเดียที่มีคนสูบบุหรี่ 275 ล้านคน ทีมนักวิจัยยังพบด้วยว่ามีการส่งเสริมการสูบบุหรี่แม้แต่ในโรงเรียนประถม
ด็อกเตอร์ โจวีนโน่ หัวหน้าการวิจัยกล่าวว่าบริษัทยาสูบแห่งชาติจีนสนับสนุนโรงเรียนประถมในจีนหลายสิบโรงและทำการโฆษณาชวนเชื่อภายในโรงเรียนเพื่อส่งเสริมการสูบบุหรี่โดยบอกกับนักเรียนว่าคนฉลาดได้จากการเรียนหนังสือหนักและการสูบบุหรี่จะช่วยให้คนเก่งประสบความสำเร็จ ด็อกเตอร์โจวีนโน่บอกว่าเขาฉงนมากที่รัฐบาลใดๆในโลกจะสอนเด็กเล็กว่าการสูบบุหรี่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งๆที่บุหรี่ทำให้คนติดและทำให้ชีวิตสั้นลง
ข้อมูลจากการศึกษาพบว่ารัฐบาลและวัฒนธรรมในหลายประเทศอ่อนข้อให้กับอิทธิพลของกลุ่มหนุนการสูบบุหรี่ที่มีฐานเข้มแข็ง โจนาธาน ลีบเบอร์แมน ผู้อำนวยการศูนย์เพื่อกฏหมายและมะเร็ง MaCabe Centre ในออสเตรเลียกล่าวว่าคำตัดสินของศาลสูงสุดในออสเตรเลียห้ามบริษัทบุหรี่แสดงโลโก้บริษัทบนซองจึงถือว่ามีความสำคัญเพราะเป็นกำลังใจแก่ผู้ที่กำลังพยายามต่อต้านอิทธิพลของผู้อยู่เบื้องหลังการโฆษณาชวนเชื่อให้คนสูบบุหรี่
คุณลีบเบอร์แมนกล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าคำตัดสินของศาลสูงสุดออสเตรเลียนี้ชี้ให้ทุกคนเห็นว่ามาตราการทางกฏหมายเป็นวิธีเดียวที่ใช้ได้ผลในการต่อกรกับข้ออ้างต่างๆจากบริษัทยาสูบ เขาถือว่าคำตัดสินนี้เป็นการตัดสินใจที่ดีเยี่ยมเพื่อประโยชน์ของสุขภาพของชาวออสเตรเลียและคนทั่วโลก
ผู้สื่อข่าววีโอเอรายงานปิดท้ายว่าการศึกษาของมหาวิทยาลัยBuffaloนี้เตือนว่าหากไม่มีมาตราการเร่งด่วนออกมาต่อต้านการสูบบุหรี่ จะมีคนเกือบพันล้านคนทั่วโลกเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควรหรืออย่างน้อยส 15 ปีก่อนวัยภายในศตวรรษนี้
ด็อกเตอร์แกรี่ โจวีนโน่ หัวหน้าทีมวิจัยหวังว่าข้อมูลจากการศึกษานี้น่าจะช่วยกระตุ้นให้หลายๆชาติออกนโยบายแบบเดียวกับออสเตรเลียเพื่อสุขภาพของคนในประเทศ
ด็อกเตอร์แกรี่ โจวีนโน่ แห่งภาควิชาการสาธารณสุข มหาวิทยาลัย University of Buffalo ในรัฐนิวยอร์ค เป็นหัวหน้าทีมที่ศึกษาเรื่องนี้ เขากล่าวว่าการสูบบุหรี่สร้างภาระใหญ่หลวงแก่ระบบการบริการทางสาธารณสุขในประเทศพัฒนาแล้วและคาดว่าจะเกิดปัญหาเดียวกันนี้ในอนาคตอันใกล้กับประเทศรายได้น้อยและปานกลางและเริ่มเกิดปัญหานี้แล้วในอินเดีย
ข้อมูลจากการศึกษาของด็อกเตอร์โจวีนโน่ชี้ว่าจีนนำหน้าโดยมีคนสูบบุหรี่ 300 ล้านคนตามด้วยอินเดียที่มีคนสูบบุหรี่ 275 ล้านคน ทีมนักวิจัยยังพบด้วยว่ามีการส่งเสริมการสูบบุหรี่แม้แต่ในโรงเรียนประถม
ด็อกเตอร์ โจวีนโน่ หัวหน้าการวิจัยกล่าวว่าบริษัทยาสูบแห่งชาติจีนสนับสนุนโรงเรียนประถมในจีนหลายสิบโรงและทำการโฆษณาชวนเชื่อภายในโรงเรียนเพื่อส่งเสริมการสูบบุหรี่โดยบอกกับนักเรียนว่าคนฉลาดได้จากการเรียนหนังสือหนักและการสูบบุหรี่จะช่วยให้คนเก่งประสบความสำเร็จ ด็อกเตอร์โจวีนโน่บอกว่าเขาฉงนมากที่รัฐบาลใดๆในโลกจะสอนเด็กเล็กว่าการสูบบุหรี่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งๆที่บุหรี่ทำให้คนติดและทำให้ชีวิตสั้นลง
ข้อมูลจากการศึกษาพบว่ารัฐบาลและวัฒนธรรมในหลายประเทศอ่อนข้อให้กับอิทธิพลของกลุ่มหนุนการสูบบุหรี่ที่มีฐานเข้มแข็ง โจนาธาน ลีบเบอร์แมน ผู้อำนวยการศูนย์เพื่อกฏหมายและมะเร็ง MaCabe Centre ในออสเตรเลียกล่าวว่าคำตัดสินของศาลสูงสุดในออสเตรเลียห้ามบริษัทบุหรี่แสดงโลโก้บริษัทบนซองจึงถือว่ามีความสำคัญเพราะเป็นกำลังใจแก่ผู้ที่กำลังพยายามต่อต้านอิทธิพลของผู้อยู่เบื้องหลังการโฆษณาชวนเชื่อให้คนสูบบุหรี่
คุณลีบเบอร์แมนกล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าคำตัดสินของศาลสูงสุดออสเตรเลียนี้ชี้ให้ทุกคนเห็นว่ามาตราการทางกฏหมายเป็นวิธีเดียวที่ใช้ได้ผลในการต่อกรกับข้ออ้างต่างๆจากบริษัทยาสูบ เขาถือว่าคำตัดสินนี้เป็นการตัดสินใจที่ดีเยี่ยมเพื่อประโยชน์ของสุขภาพของชาวออสเตรเลียและคนทั่วโลก
ผู้สื่อข่าววีโอเอรายงานปิดท้ายว่าการศึกษาของมหาวิทยาลัยBuffaloนี้เตือนว่าหากไม่มีมาตราการเร่งด่วนออกมาต่อต้านการสูบบุหรี่ จะมีคนเกือบพันล้านคนทั่วโลกเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควรหรืออย่างน้อยส 15 ปีก่อนวัยภายในศตวรรษนี้
ด็อกเตอร์แกรี่ โจวีนโน่ หัวหน้าทีมวิจัยหวังว่าข้อมูลจากการศึกษานี้น่าจะช่วยกระตุ้นให้หลายๆชาติออกนโยบายแบบเดียวกับออสเตรเลียเพื่อสุขภาพของคนในประเทศ