ก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนเพิ่มถึงระดับสูงสุดเป็นสถิติใหม่เมื่อปีที่แล้ว

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกหรือ WMO รายงานว่าปริมาณก๊าซที่เป็นสาเหตุของปรากฎการณ์เรือนกระจกในชั้นบรรยากาศโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง การปรับเปลี่ยนลักษณะการใช้ที่ดิน และการตัดไม้ทำลายป่า

คุณ Leonard Barrie ผู้อำนวยการร่วมฝ่ายวิจัยของ WMO กล่าวว่าแม้ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยได้ส่งผลให้ปริมาณก๊าซที่เป็นสาเหตุของปรากฎการณ์เรือนกระจกลดลงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ก๊าซเหล่านั้นจางหายไป

คุณ Barrie ชี้ว่าก๊าซ Carbon dioxide ในชั้นบรรยากาศโลกนั้นเป็นสสารที่จะคงอยู่อีกนานไม่หายไปง่ายๆ นั่นหมายความว่าหากเราหยุดการปล่อยมลพิษตั้งแต่ตอนนี้ ก๊าซเหล่านั้นจะเริ่มจางหายเสื่อมสภาพไปในอีกราว 50 ปีหรือ 100 ปีข้างหน้า ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ WMO ยังบอกด้วยว่า การจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแต่ละปีต้องใช้เวลานานพอสมควร แม้จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกอีกสัก 2-3 รอบก็ตาม และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปริมาณมลพิษมหาศาลในชั้นบรรยากาศโลก

ก๊าซ Carbon dioxide ก๊าซ methane และก๊าซ nitrous oxide คือก๊าซที่มีการคงอยู่เป็นเวลานานและเป็นตัวการสำคัญของปรากฎการณ์เรือนกระจก WMO รายงานว่านับตั้งแต่ปี ค.ศ 1750 ก๊าซ Carbon dioxide ในชั้นบรรยากาศได้เพิ่มขึ้นราว 38% รวมทั้งระดับก๊าซ methane ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ เช่นการเลี้ยงสัตว์ การปลูกข้าว การใช้เชื้อเพลิงจากซากพืชซากสัตว์และการถมที่ดิน

รายงานขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลกชี้ให้เห็นถึงความกังวลว่า การที่น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกเหนือละลายอย่างรวดเร็วเนื่องจากภาวะโลกร้อนนั้น อาจนำไปสู่การปล่อยก๊าซ methane ปริมาณมหาศาลจากเขตอาร์กติกหรือเขตขั้วโลกเหนือซึ่งเป็นแหล่งสะสมก๊าซคาร์บอนและก๊าซ methane ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง

รายงานขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลกชิ้นนี้เปิดเผยก่อนหน้าที่ผู้แทนของประเทศต่างๆมากกว่า 190 ประเทศ จะร่วมประชุมกันที่เม็กซิโกในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือเรื่องการจัดทำสนธิสัญญาที่มีเป้าหมายเพื่อจัดการกับปัญหาภาวะโลกร้อน