คาดว่าบรรดาผู้นำของกลุ่มประเทศ G-20 จะรับรองข้อตกลงที่บรรดารัฐมนตรีคลังของกลุ่มประเทศ G-20 ร่างขึ้นเมื่อไม่ถึงหนึ่งเดือนมานี้ ข้อตกลงเหล่านั้นเป็นเครื่องบ่งบอกว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการแข่งกันลดค่าเงินตราซึ่งก่อความเสียหายให้นั้นอีกรอบหนึ่ง แต่จีนกล่าวหาสหรัฐว่าละเมิดเจตนารมณ์ของข้อตกลงเหล่านั้นโดยพิมพ์เงินเหรียญสหรัฐออกมามากเกินความต้องซึ่งมีส่วนทำให้เงินเฟ้อในจีน ส่วนสหรัฐกล่าวหาจีนว่าพยายามทำให้เงินหยวนค่าอ่อนลงอย่างไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง อนึ่ง กลุ่มประเทศ G-20 จะพิจารณาเรื่องการกำหนดเป้าหมายเกี่ยวกับดุลย์การค้าโดยเฉพาะเจาะจง ซึ่งสหรัฐและเกาหลีใต้สนับสนุน แต่จีน ญี่ปุ่นและเยอรมนีแสดงความคลางแคลงใจไม่เชื่อถือ
ถึงแม้ว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงที่เป็นล่ำเป็นสันได้ แต่ข้อตกลงเหล่านั้นจะยืนยงคงอยู่ได้หรือไม่ยังไม่ทราบแน่ชัด คุณ Sohn Jie-Ae โฆษกหญิงของการประชุมสุดยอดของกลุ่ม G-20 กล่าวว่า กลุ่ม G-20 ไม่มีหน้าที่นำข้อตกลงมาใช้บังคับโดยเธอตั้งข้อสังเกตว่า การประชุมของบรรดาผู้นำแบบนี้นานๆจะมีขึ้นสักครั้งหนึ่ง
ประเด็นที่สำคัญซึ่งบรรดาผู้นำจะต้องเจอะเจอในการประชุมสุดยอดทั้งสองครั้งก็คือเรื่องตลาดเงินตราและเรื่องที่เงินทุนหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดที่กำลังพัฒนาในบางประเทศซึ่งทำให้เงินตราของประเทศนั้นๆค่าแข็งขึ้นและสามารถทำให้ราคาหุ้นและอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย
บรรดาผู้นำที่มาร่วมการประชุมสุดยอดต้องการหาหนทางประนีประนอมเพื่อผ่อนความวิตกกังวลเกี่ยวกับประเด็นปัญหาเหล่านั้นและขยายการค้าระหว่างประเทศ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอเมริกัน Hillary Clinton กล่าวถึงคุณค่าของการประชุมสุดยอดเหล่านั้นที่มีต่อการขยายวงการค้าเสรีว่า เราดำเนินงานผ่านทาง APEC กลุ่ม G-20 และความสัมพันธ์ทวิภาคีเพื่อสนับสนุนให้มีตลาดที่เปิดกว้างมากขึ้น ลดข้อจำกัดกีดกันการส่งออกให้เหลือน้อยลง มีความโปร่งใสมากขึ้น และกล่าวโดยรวมได้ว่ามีความผูกพันอยู่กับเรื่องความยุติธรรม
นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์การเมืองรวมทั้งคุณ Dan Ikenson รองผู้อำนวยการของศูนย์นโยบายการค้าคดีศึกษาแห่งสถาบันเคโต ณ กรุงวอชิงตันต่างเชื่อว่า การประชุมสุดยอดที่จะมีขึ้นทั้งสองครั้งคงจะไม่ช่วยให้มีการบรรลุความสำเร็จที่เป็นแก่นเป็นสารได้
