นาย Mark Malloch-Brown เคยดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสหประชาชาติ และหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ในสมัยที่นาย Kofi Annan เป็นเลขาธิการขององค์การสหประชาชาติ และในช่วงเวลานั้น ชื่อเสียงของเขายังเป็นที่รู้จักในวงการระหว่างประเทศ เพราะเป็นผู้กล่าววิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลสหรัฐชุดประธานาธิบดีจอร์ช บุช เกี่ยวกับนโยบายเรื่องอิรัค และยังได้ตอบโต้คำวิพากษ์ตำหนิองค์การสหประชาชาติของรัฐบาลสหรัฐในสมัยนั้นด้วย
อดีตเจ้าหน้าที่สหประชาชาติผู้นี้เพิ่งจะเขียนหนังสือออกมาในชื่อว่า “The Unfinished Global Revolution” และในระหว่างการเยือนกรุงวอชิงตันเมื่อเร็วๆนี้ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปในตะวันออกกลางกับผู้สื่อข่าวของ Voice of America
เมื่อไม่นานมานี้ ประชาชนนับล้านๆคนเดินขบวนประท้วงไปตามถนนในกรุงไคโรและนครต่างๆในประเทศอาหรับหลายประเทศ ประนามการคอร์รับชั่น ความไม่เสมอภาค และเรียกร้องเสรีภาพ
นาย Mark Malloch-Brown อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหประชาชาติกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้นนานมาแล้ว และว่าระบบเศรษฐกิจในประเทศเหล่านั้น ไม่สร้างงานให้กับคนหนุ่มคนสาว แต่ในขณะเดียวกัน บรรดาผู้ปกครองประเทศกลับไม่พอใจสหประชาชาติที่สนับสนุนการเรียกร้องดังกล่าว อดีตเจ้าหน้าที่สหประชาชาติผู้นี้ให้ความเห็นว่า เงื่อนไขสำคัญอันหนึ่งก่อนจะมีการพัฒนาประเทศได้ คือการปกครองที่เป็นประชาธิปไตย
เขากล่าวว่า หลายๆประเทศจะพัฒนาไม่สำเร็จ ถ้าไม่เป็นประชาธิปไตย คนยากจนจะต้องมีสิทธิมีเสียงในกิจการของประเทศ เพราะจะหวังไม่ได้ว่าผู้ปกครองประเทศจะปฏิบัติต่อตนอย่างเป็นธรรม
อดีตรองเลขาธิการสหประชาชาติผู้นี้ให้ความเห็นต่อไปว่า ประชาคมนานาชาติสามารถจะเข้าไปมีบทบาทให้ความช่วยเหลือประชาชนในบางประเทศสร้างระบบการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยและมีเสถียรภาพได้ และคิดว่า เป็นเรื่องสำคญเปนอยงยงทจตองl;’kนเรื่องสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้การสนับสนุนในเรื่องนี้กันในเวลานี้ โดยแนะนำวิธีการให้ว่า ประชาคมนานาชาติควรดำเนินการสนับสนุนด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งเท่ากับยอมรับว่า ที่แล้วๆมา ได้มุ่งเน้นไปในด้านการรักษาเสถียรภาพ มิใช่ประชาธิปไตย ส่วนความช่วยเหลือที่จะเสนอให้นั้นควรเป็นทางด้านเทคนิค และปล่อยให้ประชาชนเป็นผู้สร้างระบบประชาธิปไตยของพวกเขาขึ้นเอง
นาย Mark Malloch-Brown กล่าวว่า การก้าวไปสู่ประชาธิปไตย ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ เพราะหลังจากรวมตัวกันขับไล่ผู้เป็นศัตรูร่วมกันออกไปได้แล้ว แต่ละกลุ่มมีแนวความคิดทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองแตกต่างกัน และจะต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะได้รัฐธรรมนูญที่เป็นที่ยอมรับกันได้ กว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งและได้ผลการเลือกตั้งที่หนักแน่นมั่นคง และเปิดทางให้มีการจัดตั้งรัฐบาลที่เข้มแข็งพอสำหรับการปฏิรูปทางการเมืองอย่างเป็นประชาธิปไตยขึ้นได้