ลิ้งค์เชื่อมต่อ

นักวิเคราะห์จับตาผลกระทบหลังสหรัฐฯ อุ้มแบงค์ล้มรอบใหม่


FILE PHOTO: Illustration shows SVB (Silicon Valley Bank) logo
FILE PHOTO: Illustration shows SVB (Silicon Valley Bank) logo

การเข้าช่วยเหลือวิกฤตธนาคารของหน่วยงานสหรัฐฯ ด้วยการเข้าประกันและคุ้มครองเงินฝากของลูกค้าธนาคารซิลิคอนแวลลีย์ (Silicon Valley Bank -SVB) อาจดูเหมือนการลดผลกระทบรุนแรงด้านการเงินไม่ให้ลุกลามเข้าสู่วิกฤตได้อย่างทันท่วงทีของทางการสหรัฐฯ แต่ในทัศนะของผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินต่างเตือนว่าท่าทีดังกล่าวอาจเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมที่ไม่ดีของนักลงทุนได้

หลังการหารือถึงความเป็นไปของธนาคารซิลิคอนแวลลีย์ หน่วยงานกำกับดูแลภาคธนาคารของสหรัฐฯ ไฟเขียวแผนงบช่วยเหลือฉุกเฉินให้กับธนาคาร โดยกระทรวงการคลัง ธนาคารกลางสหรัฐฯ และบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ FDIC (Federal Deposit Insurance Corporation) เปิดเผยในวันอาทิตย์ด้วยว่า ลูกค้าของธนาคารซิลิคอนแวลลีย์จะได้รับการคุ้มครองและจะสามารถเข้าถึงเงินฝากของตนได้ พร้อมประกาศขั้นตอนกระบวนการที่จะช่วยปกป้องลูกค้าทุกคนและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ลูกค้าแห่กันถอนเงินกันยกใหญ่ด้วย

ในประเด็นนี้ บิล อัคแมน ผู้จัดการกองทุนประกันความเสี่ยงหรือ Hedge Fund ชาวอเมริกัน ทวีตข้อความระบุว่าหากทางการอเมริกันไม่เข้าแทรกแซง “เราอาจเผชิญกับภาวะแห่ถอนเงินเหมือนช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1930 เป็นสิ่งแรกที่ตื่นขึ้นมาในเช้าวันจันทร์ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวงและสร้างความยากลำบากกับผู้คนนับล้านชีวิตได้เลยทีเดียว”

อัคแมน เสริมว่า “ธนาคารอีกหลายแห่งมีสิทธิ์จะล้มแม้รัฐจะเข้าแทรกแซง แต่ตอนนี้เรามีแผนการที่ชัดเจนว่ารัฐบาลจะจัดการอย่างไร”

มาตรการคุ้มครองและเข้าถึงเงินฝากของหน่วยงานกำกับดูแลภาคธนาคารของสหรัฐฯ ได้สร้างความเชื่อมั่นว่าผู้ฝากเงินจะไม่สูญเสียเงินฝาก แต่ทางการอเมริกันตั้งคำถามถึงภาวะภัยทางศีลธรรม หรือ moral hazard ซึ่งเป็นการปลดล็อคแรงจูงใจของผู้คนในการป้องกันความเสี่ยงด้านการเงินออกไป

นิโคลัส เวรอน นักวิชาการอาวุโสจาก Peterson Institute for International Economics ในกรุงวอชิงตัน เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่านี่คือการช่วยเหลือและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อระบบการเงินของสหรัฐฯ และ “ต้นทุนที่เกิดขึ้นนี้จะส่งผลกระทบต่อทุกคนที่ใช้ระบบสถาบันการเงิน”

อีกด้านหนึ่ง หน่วยงานกำกับดูแลกิจการประกาศว่า ธนาคารซิกเนเจอร์ (Signature Bank) ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครนิวยอร์กล้มครืนลงแล้ว และกระบวนการยึดทรัพย์สินก็ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ อีกทั้งระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ได้ทำให้ง่ายขึ้นสำหรับธนาคารในการกู้ยืมฉุกเฉินด้วย

ในเรื่องนี้ ไมเคิล เอฟวรี และเบน พิกตัน นักวางแผนกลยุทธ์ของธนาคาร Rabobank ระบุถึงลูกค้าธนาคารว่า “... หากตอนนี้เฟดกำลังหนุนหลังทุกฝ่ายที่เผชิญกับความเดือดร้อนด้านสินทรัพย์หรืออัตราดอกเบี้ย นั่นแสดงว่าพวกเขากำลังผ่อนคลายเงื่อนไขทางการเงินครั้งใหญ่ เช่นเดียวกับการเพิ่มภาวะภัยทางศีลธรรมมากขึ้นไปอีก”

ประกันเงินฝาก

เนื่องจากว่าเงินฝากเพียง 250,000 ดอลลาร์แรกของผู้ฝากเงินในธนาคารสหรัฐฯ จะได้รับการคุ้มครองโดยบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ FDIC การล้มละลายของธนาคาร SVB จึงจุดประเด็นที่น่ากังวลสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจรายย่อยว่าจะไม่สามารถนำเงินออกมาจ่ายพนักงานได้ และราว 89% ของเงินฝากราว 200,000 ล้านดอลลาร์ในธนาคาร SVB ในช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมาเป็นเงินฝากที่ไม่ได้รับการคุ้มครองอ้างอิงจาก FDIC

ตอนนี้ทางการสหรัฐฯ ได้ปลดความเสี่ยงดังกล่าวออกไปแล้ว

นักวิเคราะห์บางส่วนระบุว่า การกระทำของสหรัฐฯ ไม่ได้เรียกว่าเป็นการอุ้มสถาบันการเงินแต่อย่างใด เพราะว่าผู้ถือหุ้นและลูกหนี้ที่ไม่ได้รับการคุ้มครองของธนาคาร SVB จะไม่ได้รับการคุ้มครองภายใต้ความช่วยเหลือดังกล่าว

สตีฟ ซอสนิค หัวหน้านักวางแผนกลยุทธ์ของ Interactive Brokers ในรัฐคอนเนคทิคัต กล่าวถึงมาตรการของหน่วยงานอเมริกันว่า “นี่จะเป็นการลดผลกระทบได้ก่อนในระยะสั้น และเราค่อยมากังวลถึงภัยทางศีลธรรมและมาตรการควบคุมของรัฐที่หย่อนยานกันทีหลัง” และมาตรการดังกล่าวไม่ได้ตัดความกังวลว่าธนาคารอื่น ๆ จะได้รับผลกระทบอีกหรือไม่

ท่าทีของทางการสหรัฐฯ ได้ผลักดันสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของหุ้นสหรัฐฯ และเอเชียในการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ แต่นักลงทุนต่างกังวลกันต่อเรื่องความไม่แน่นอนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมที่จะมีขึ้นในปลายเดือนมีนาคมนี้

อีกด้านหนึ่ง บรรดาขุนคลังและคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป ออกมาให้ความเห็นถึงความเสี่ยงที่ผลกระทบของสองแบงค์ใหญ่ล้มในอเมริกาว่าอาจส่งผลจำกัดต่อระบบการเงินยุโรป ในช่วงที่หุ้นธนาคารในยุโรปร่วงหนักจากข่าวนี้ ซึ่งถือว่าหนักสุดนับตั้งแต่สงครามรัสเซียกับยูเครนปะทุขึ้น

ในช่วงเริ่มต้นการประชุมรัฐมนตรีคลัง Eurogroup ที่กรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม เปาโล เจนติโลนี (Paolo Gentiloni) คณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป ระบุว่ายังไม่เห็นความเสี่ยงลุกลามมายังธนาคารยุโรปหลังธนาคาร SVB ล้ม โดยกล่าวว่า “มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นผลพวงทางอ้อม แต่ในตอนนี้ยังไม่เห็นความเสี่ยงจำเพาะเจาะจงชัดเจน”

  • ที่มา: รอยเตอร์
XS
SM
MD
LG