ลิ้งค์เชื่อมต่อ

อนาคตของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำและสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กทั่วโลกน่าเป็นห่วง


นักวิจัยในสหรัฐเปิดเผยว่าสัตว์ครึ่งน้ำครึ่งบกจำพวก กบ คางคก สัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กจำพวกจิ้งจก จิ้งเหลน กิ้งก่าไฟ กำลังลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วทั่วโลก เชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้วประมาณ 165 สายพันธุ์ มีนักอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ทั่วโลกกำลังพยายามปกป้องสัตว์ครึ่งน้ำครึ่งบกที่เหลืออยู่ไม่ให้สูญพันธุ์

เชี่ยวชาญด้านเชื่อว่าสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำหลายพันธุ์ชนิดบนโลกนี้กำลังถูกคุกคามโดยสาเหตุหลายประการ อาทิ สภาวะอากาศที่ผันผวน ยากต่อการพยากรณ์ในปัจจุบัน มลภาวะทางสิ่งแวดล้อม แหล่งที่อยู่อาศัยทางธรรมชาติลดน้อยลง ตลอดจนโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อราไคทริด


ความวิตกกังวลต่อความอยู่รอดของสัตว์เลื้อยคลานทำให้เกิดโครงการอนุรักษ์ขึ้นมากมายทั่วโลก อย่างโครงการที่เพิ่งเริ่มต้นที่เกาะมาดากัสก้า

คุณโรบิน มัวร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลื้อยคลานแห่งหน่วยงาน Conservation International กล่าวว่า สัตว์เลื้อยคลานสายพันธุ์ต่างๆแข่งกันลดจำนวนลงจนน่าใจหาย หลายๆสายพันธุ์ลดจำนวนลงมากจนคาดว่าน่าจะสูญพันธุ์ไปแล้ว คุณมัวร์เชื่อว่าโครงการขยายพันธุ์สัตว์เลื้อยคลาน เป็นการซื้อเวลา และเป็นหนทางหนึ่งในการชลอการสูญพันธุ์

ทีมงานของคุณโรบิน มัวร์ ที่เกาะมาดากัสก้า มีกบ 30 ตัว จับมาเลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์ให้จำนวนเพิ่มขึ้น ในอนาคตทีมงานวางแผนจะขยายพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กชนิดอื่นๆด้วย

คุณโรบิน มัวร์ คิดว่า หัวใจของความสำเร็จอยู่ที่การผสมผสานการขยายพันธุ์เข้ากับการอนุรักษ์แหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติของสัตว์เหล่านี้ เพราะในท้ายที่สุดแล้วสัตว์ที่ขยายพันธุ์ได้จะถูกปล่อยกลับไปอยู่ในธรรมชาติตามเดิม

ที่สหรัฐอเมริกา คุณจอห์น คลีอ็อปเฟอร์ แห่งสำนักงาน Game and Inland Fisheries ในรัฐเวอร์จีเนีย เป็นผู้สำรวจและบันทึกจำนวนประชากรสัตว์เลื้อยคลานครึ่งบกครึ่งน้ำภายในเขตสวงนพันธุ์สัตว์ป่า Mattaponi ภายใต้โครงการเฝ้าติดตามระดับชาติ เขากล่าวว่า เจ้าหน้าที่ด้านสัตว์ป่าสังเกตุพบการลดจำนวนลงของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำเป็นครั้งแรกเมื่อราว 40 ปีที่แล้ว แต่ใช้เวลา 20 ปี กว่าจะรู้ว่าเชื้อราไคทริดเป็นสาเหตุของโรคระบาดที่ทำให้สัตว์เลื้อยคลาดขนาดเล็กและกบตายจำนวนมาก เชื้อราในน้ำนี้แพร่กระจายได้ง่ายจากแหล่งน้ำหนึ่งสู่อีกแหล่งน้ำหนึ่ง

คุณคลีอ็อปเฟอร์ กล่าวว่า คนเรายังขาดความเข้าใจต่อความสำคัญและบทบาทของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำขนาดเล็กต่อระบบนิเวศ

เขาบอกว่าสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำกินแมลงเป็นอาหารและตัวมันเองยังเป็นอาหารแก่สัตว์ประเภทอื่นๆด้วย สัตว์เหล่านี้อาศัยใต้ดิน มีบทบาทในการพรวนดินไปในตัว แม้ว่าสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำจะอาศัยอยู่ใต้พื้นดินเป็นส่วนใหญ่ มันต้องพึ่งพิงแหล่งน้ำเพื่อความอยู่รอดด้วย แหล่งน้ำที่เหมาะแก่สัตว์เหล่านี้เป็นแหล่งน้ำตื้นๆ

คุณอีวาน แกร้นท์ ผู้เชื่ยวชาญด้านชีววิทยาสัตว์ป่าแห่งสำนักงาน U.S. Geological Survey แห่งสหรัฐกล่าวว่า ทางสำนักงานสำรวจและศึกษาแหล่งน้ำตื้นๆทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่และแพร่พันธุ์สำคัญของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำสองชนิด คือ กบป่ากับกิ้งก่าไฟลายจุด แต่แหล่งน้ำเหล่านี้อุ้มน้ำไว้ได้แค่สองสามเดือนในช่วงฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อนเท่านั้น และอาจจะได้รับผลกระทบจากสภาวะอากาศโลกที่ร้อนขึ้น มีการพยากรณ์ว่าจะเกิดความแห้งแล้งรุนแรงระยะสั้นๆบ่อยครั้งมากขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อจำนวนประชากรสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำขนาดเล็กได้

เพื่อช่วยลดผลกระทบจากความแห้งแล้งที่อาจจะเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ได้ขุดรอกแหล่งน้ำและบ่อธรรมชาติให้ลึกมากขึ้น ใช้แผ่นรองกันน้ำซึมเพื่อให้เก็บกักน้ำฝนไว้ได้นานหลายเดือน ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังศึกษาดูว่าวิธีนี้มีประสิทธิผลแค่ไหน

คุณแกร้นท์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะศึกษาดูว่ามีลูกกบป่าเกิดและโตในบ่อและแหล่งน้ำที่ได้รับการปรับปรุงเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน เจ้าหน้าที่ต้องเลือกว่าจะจัดการดูแลแหล่งน้ำได้สักกี่แห่งจากจำนวนหนึ่งพันสองร้อยแห่ง เพื่อคงให้เป็นแหล่งแพร่พันธุ์ตามธรรมชาติ ช่วยลดโอกาสการสูญพันธุ์

ปกติในช่วงฤดูหนาว เจ้าหน้าที่จะไม่พบเห็นกบหรือกิ้งก่าำไฟ แต่ในทางใต้ของรัฐเวอร์จีเนีย สหรัฐอเมริกา คุณจอห์น คลีอ็อปเฟอร์ พบไข่ของกิ้งก่าไฟลายจุดในแอ่งน้ำข้างทาง

เขาบอกว่าจุดดำๆที่มองเห็นเป็นตัวอ่ิอนที่กำลังเติบโต ในบริเวณใกล้ๆ กบป่าหรือกบเขียวกำลังว่ายวนอยู่ในแอ่งน้ำขุ่นๆ สร้างกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่อนุรักษ์พันธุ์กบและสัตว์ครึ่งน้ำครึ่งบกในสหรัฐเป็นอย่างมาก

แต่ในส่วนอื่นๆของสหรัฐอเมริกาและในจุดอื่นๆของโลก อนาคตของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำยังน่าเป็นห่วง นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมโครงการขยายพันธุ์กบในมาดากัสก้าจึงมีความสำคัญและอาจช่วยป้องกันการสุญพันธุ์ของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่น่าทึ่งอีกมากมาย

XS
SM
MD
LG