รายงานของธนาคารโลกที่เพิ่งเผยแพร่ออกมา กล่าวว่า อุทกภัยที่เกิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และส่งผลกระทบหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย เวียตนาม และฟิลิปปินส์นั้น ส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุปทานสำหรับการผลิต หรือ Supply Chain Production และว่า การฟื้นฟูบูรณะจะประสบความสำเร็จหรือไม่ อย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับอุปสงค์สำหรับสินค้า เช่น รถยนต์ และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิค
รายงานของธนาคารโลกกล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียตะวันออก จะยังคงดำเนินอย่างแข็งขันต่อไปในปี ค.ศ. 2012 โดยมีจีนเป็นผู้นำ
ธนาคารโลกคาดว่า อัตราการโตทางเศรษฐกิจของทั้งภูมิภาคสำหรับปีนี้ จะอยู่ในระดับ 8.2% และ 7.8% ในปีหน้า
ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกยอมรับว่า วิกฤติการณ์หนี้ของยุโรปและการลงทุนจากต่างประเทศที่ลดลง เป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกอย่างแน่นอน
แต่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งทำให้จีนนำเข้าสินค้าผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น จะช่วยผู้ส่งออกในภูมิภาคได้มาก
ส่วนอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทย กัมพูชา เวียตนาม และฟิลิปปินส์นั้น ทำให้ธนาคารโลกลดอัตราการโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ลงครึ่งหนึ่ง มาอยู่ที่ 2.4%
คุณถนอมศรี ฟองอรุณรุ่ง นักเศรษฐศาสตร์ของภัทรหลักทรัพย์ บอกกับผู้สื่อข่าวของ Voice of America ว่า เศรษบกิจไทยจะฟื้นตัวได้ในปีหน้า แต่ที่สำคัญ คือรัฐบาลไทยจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนด้วยแผนการจัดการกับอุทกภัยที่ดี
นักเศรษฐศาสตร์ของภัทรหลักทรัพย์ กล่าวว่า อุทกภัยอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติลังเลที่จะขยายการลงทุน เพราะจะต้องคิดกันให้รอบคอบ อาจต้องใช้เวลาในการตัดสินใจมากขึ้นว่า จะขยายการลงทุนในประเทศไทย หรือไม่ ประเด็นสำคัญ คือ พวกนักลงทุนจะจับตาดูแผนระยะยาวของรัฐบาลสำหรับการป้องกันหายนะภัยอย่างใกล้ชิด
และแม้เจ้าของโรงงานบางรายอาจจะอยากกลับไปเปิดโรงงาน เริ่มการผลิตในประเทสไทยต่อไปอีก ก็มีหลายรายที่เตือนรัฐบาลว่า จะต้องรับประกันว่า จะไม่มีเหตุการณ์อย่างในกรณีน้ำท่วมครั้งนี้ เกิดซ้ำได้อีก และก็มีหลายรายที่กำลังคิดว่า จะโยกย้ายโรงงานไปที่อื่นในภูมิภาค ถ้าจำเป็น
แต่อาจารย์ William Case ของ City University ของฮ่องกง กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยจะกู้ชื่อเสียงสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศได้ หลังน้ำท่วม
นักวิชาการของ City University ในฮ่องกงผู้นี้ กล่าวว่า มีหลายเหตุผลที่ประเทศไทยจะยังคงรักษาชื่อเสียงของการเป็นศูนย์กลางการผลิตได้ เช่น การตัดสินใจที่มีคุณภาพ การตอบรับการลงทุนจากต่างประเทศ แรงงานที่มีความเต็มใจและมีความสามารถ และวัฒนธรรมที่เปิดกว้างยอมรับสิ่งใหม่ๆ
ทั้งหมดนี้ ทำให้อาจารย์ William Case เชื่อว่า ประเทศไทยจะฟื้นฟูบูรณะเศรษฐกิจกลับขึ้นมาได้ในไม่ช้า