บริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ (Colonial Pipeline) เจ้าของโครงข่ายท่อส่งน้ำมันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ประสบปัญหาจัดการระบบโครงข่ายขนส่งน้ำมันทางเรือไม่ได้ หลังสามารถแก้ปัญหาการถูกโจมตีทางไซเบอร์มาได้เพียง 1 สัปดาห์
สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า บริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ เปิดเผยในวันอังคารว่า ระบบจัดการเรือขนส่งน้ำมันเพื่อนำจ่ายเข้าสู่โครงข่ายท่อส่งของตนมีปัญหาเกี่ยวกับการจ่ายไฟ ซึ่งหากยืดเยื้อเป็นระยะเวลานาน ก็อาจทำให้การขนส่งน้ำมันไปทั่วภาคพื้นตะวันออกเฉียงเหนือและชายฝั่งด้านตะวันออกของสหรัฐฯ มีปัญหาได้อีกครั้ง
เมื่อ2 สัปดาห์ก่อน โครงข่ายท่อส่งน้ำมันของบริษัทที่มีความยาวรวมถึง 8,900 กิโลเมตรกลายมาเป็นเป้าการโจมตีทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดของสหรัฐฯ ที่ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันที่ใช้สำหรับรถและเครื่องบินนานหลายวัน ตลอดแนวชายฝั่งตะวันออกและชายฝั่งอ่าวทางใต้ของประเทศ
รายงานข่าวโดยอ้างข้อมูลจาก โคโลเนียล ไปป์ไลน์ ระบุว่า ปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้นนี้มีสาเหตุมาจากการที่บริษัทพยายามเร่งกู้ระบบเพื่อชดเชยช่วงที่ถูกโจมตีจนไม่สามารถทำงานได้นานเป็นสัปดาห์ แต่ไม่ใช่เพราะระบบติดไวรัสอีกครั้ง
ทั้งนี้ ระบบจัดการเรือขนส่งน้ำมันของบริษัทแห่งนี้เป็นความรับผิดชอบของผู้ให้บริการที่เป็นบุคคลที่ 3 ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่ชื่อ Transport 4 หรือ T4 ที่ให้บริการด้านโลจิสติกส์คล้ายๆ กันนี้ให้กับบริษัทเจ้าของท่อส่งน้ำมันรายอื่นๆ
T4 ไม่สามารถยืนยันได้ว่า ปัญหาล่าสุดนี้จะได้รับการแก้ไขเสร็จสิ้นเมื่อใด
ตามรายงานข่าวล่าสุด ยังมีสถานีจ่ายน้ำมันกว่า 10,400 แห่งที่ไม่มีน้ำมันในคลัง ณ เช้าวันอังคารตามเวลาในสหรัฐฯ ตามข้อมูลจากบริษัทติดตามข้อมูลด้านน้ำมัน GasBuddy ซึ่งคาดว่า ตัวเลขนี้จะลดลงไปต่ำกว่าระดับ 10,000 ก่อนสิ้นวัน
