คนอเมริกันเกือบ 70% ยอมรับว่า ติดกาแฟ และประโยชน์และโทษของกาแฟก็เป็นที่โต้เถียงกันมานานแล้ว ประโยชน์ของกาแฟนั้นมีอะไรบ้าง และมีข้อคิดอะไรบ้างสำหรับคนที่ติดกาแฟแต่ก็อยากจะดูแลสุขภาพของตนด้วย
พูดกันถึงประโยชน์ก่อน ผลการวิเคราะห์งานวิจัย 9 ชิ้นของปี ค.ศ. 2005 ระบุว่า คนที่ดื่มกาแฟวันละ 4 ถึง 6 ถ้วย เปรียบเทียบกับคนที่ดื่มเพียงวันละ 2 ถ้วย หรือน้อยกว่านั้น มีโอกาสลดความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานประเภทสอง คือเบาหวานผู้ใหญ่ได้เกือบ 30 % และถ้าดื่มมากกว่าหกถ้วยต่อวัน อัตราความเสี่ยงลดลงถึง 35 % กาแฟที่ดื่มนี่ได้ทั้งประเภทมีแคฟฟีนและและที่สะกัดแคฟฟีนออก
ประโยชน์อีกสองอย่างคือ โดยธรรมชาติแล้ว เม็ดกาแฟมีสารที่เรียกว่า Phytochemicals ซึ่งเป็นตัวต้านออกซิเดชั่น หรือ antioxidants ทำงานปกป้องแซลล์ของร่างกายจากการทำร้ายของอนุมูลอิสระ หรือ free radicals หมายความว่าสารในเม็ดกาแฟช่วยป้องกันมิให้มีโรคภัยไข้เจ็บ และ
ประโยชน์ที่สามของกาแฟ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟตอนเช้า นักวิจัยพบว่า คนเหล่านี้รับข้อมูลใหม่ๆได้ดีกว่าคนที่ไม่ดื่มกาแฟ และการช่วยเรื่องความทรงจำและการเรียนรู้นี้ เห็นได้ชัดในหมู่ผู้สูงอายุ
และนักวิจัยบอกว่า ถ้าบวกของหวาน เช่น ขนม pastry ต่างๆเข้ากับกาแฟ ประสิทธิภาพการทำงานของสมองพุ่งสูงขึ้นมาก โดยจะมุ่งเน้นความสนใจในงานตรงหน้าได้อย่างต่อเนื่อง และความทรงจำระยะสั้นจะดีมาก พูดง่ายๆบวกน้ำตาลกับแคฟฟีนเข้าด้วยกัน
ทีนี้ดูทางด้านผลลบบ้าง กาแฟทำให้ปัสสาวะบ่อยๆ และร่างกายขับแคลเซี่ยมออกมากับปัสสาวะ ผลก็คือกระดูกจะลดความแน่นทึบ แตกหักได้ง่าย คำแนะนำในการแก้ปัญหานี้ คือดี่มนมหรือรับประทานโยเกิตสองช้อนโต๊ะต่อกาแฟทุกถ้วยที่ดื่ม
แต่ที่สำคัญกว่าสำหรับคนที่รักสวยรักงาม คือถ้าดื่มกาแฟมากๆ จะทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นได้ เพราะกาแฟทำให้ร่างกายขับน้ำออกมา เพราะฉะนั้น ถ้าอยากจะดื่มกาแฟ ต้องดื่มน้ำควบคู่กันไปด้วย
ผลเสียอีกสองอย่างจากกาแฟ คืออาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม โดยเฉพาะเวลารับประทานของหวานๆกับกาแฟ ซึ่งทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น มีความรู้สึกพออกพอใจ และเมื่อความรู้สึกจางลง ก็อยากจะไปสู่จุดนั้นอีก ก็เลยกลับไปรับประทานของหวานตบท้ายด้วยกาแฟอีก คนที่ติดสูตรนี้ แก้ลำบาก
ข้อคิดสุดท้ายคือ ต้นกาแฟที่ปลูกกันนั้น กล่าวกันว่า มีการฉีดยาฆ่าวัชชพืชและยาฆ่าแมลงสูงมาก เพื่อปกป้องเม็ดกาแฟ คำแนะนำก็คือ ให้ดื่มกาแฟประเภท organic และถ้าดื่มกาแฟที่สะกัดแคฟฟีน ก็ควรเช็คด้วยว่า การสะกัดแคฟฟีนนั้น ไม่ได้ใช้สารเคมี