นับตั้งแต่จีนเลิกผูกติดค่าเงินหยวนไว้กับเงินดอลล่าร์สหรัฐเพียงสกุลเดียวเมื่อเดือนมิถุนายน ค่าเงินหยวนได้ปรับตัวสูงขึ้นราว 1% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในวันอังคารค่าเงินหยวนได้เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงสุดเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราอ้างอิงไว้ที่ 6.7378 หยวนต่อ 1 ดอลล่าร์
ค่าเงินหยวนสูงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เกิดขึ้นในขณะเดียวกับที่สมาชิกรัฐสภาสหรัฐกำลังผลักดันให้เพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในช่วงก่อนการเลือกตั้งกลางสมัยในเดือนพฤศจิกายน โดยยกเหตุผลว่ารัฐบาลจีนพยายามควบคุมเงินหยวนให้มีค่าต่ำกว่าความเป็นจริงทำให้สินค้าจีนมีราคาถูกในตลาดโลก ซึ่งนั่นส่งผลกระทบให้โรงงานต่างๆในสหรัฐไม่สามารถขายสินค้าได้จนต้องปิดตัวลงไปหลายแห่ง ผลที่ตามมาคืออัตราการว่างงานในสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น
ผู้อำนายการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ Lawrence Summers นำประเด็นนี้เข้าหารือกับประธานาธิบดีจีน Hu Jintao และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนระหว่างการเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คุณ Andy Rothman นักวางแผนการตลาดของธนาคารเพื่อการลงทุน CLSA Asia Pacific Markets ให้ความเห็นว่ารัฐบาลจีนได้ส่งสัญญาณในเบื้องต้นว่า รับทราบถึงข้อความที่รัฐบาลประธานาธิบดีโอบาม่าสื่อออกมาแล้ว และจะพยายามจัดการกับเรื่องนี้เพื่อขจัดความความขัดแย้งทางการเมือง
ในวันพฤหัสบดีนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ Timothy Geithner จะแถลงต่อคณะกรรมการรัฐสภาสหรัฐเกี่ยวกับประเด็นนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้สมาชิกรัฐสภาบางคนแสดงความผิดหวังที่กระทรวงการคลังสหรัฐมิได้ระบุอย่างเป็นทางการในรายงาน 3 ฉบับที่ผ่านมาว่าจีนคือผู้บงการค่าเงินหยวน โดยรายงานฉบับต่อไปจะเผยแพร่ในวันที่ 15 ตุลาคม
ปัจจุบันธนาคารกลางจีนปล่อยให้ค่าเงินหยวนเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับสูงกว่าหรือต่ำกว่าอัตราอ้างอิงประจำวันเพียง 0.5% เท่านั้น ซึ่งบรรดาประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของจีนโต้แย้งว่าการควบคุมค่าเงินหยวนเช่นนั้นก่อให้เกิดความไม่สมดุลทางการเงินโลก เพราะจีนเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ เห็นได้จากการที่จีนมียอดเกินดุลการค้าถึง 20,000 ล้านดอลล่าร์เมื่อเดือนสิงหาคม
ทางด้านประธานาธิบดี Hu Jintao กล่าวผ่านล่ามระหว่างการประชุม World Economic Forum ที่เมืองเทียนจินในวันจันทร์ว่า จีนกำลังพยายามทำให้ดุลการค้ามีความสมดุลมากขึ้น โดยระบุว่าจีนมิได้พยายามเพิ่มยอดเกินดุลการค้า แม้จีนจะเกินดุลกับสหรัฐและประเทศทางยุโรป แต่จีนขาดดุลการค้ากับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และแม้ภาคการส่งออกจีนจะกำลังฟื้นตัว แต่การนำเข้าก็เติบโตอย่างรวดเร็วยิ่งกว่า
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนมองว่า หากเศรษฐกิจโลกอ่อนแอลงอีก จีนอาจจะใช้นโยบายลดค่าเงินหยวนหรือนโยบายเสมือนว่าผูกติดกับเงินดอลล่าร์สหรัฐเพื่อปกป้องภาคการส่งออกของตน โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเงินดอลล่าร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ