จีนขุ่นเคืองต่อรายงานของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศหรือ IEA ที่เปิดเผยเมื่อไม่นานนี้ ว่าขณะนี้จีนคือประเทศที่ใช้พลังงานมากที่สุด และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นสาเหตุของปรากฎการณ์เรือนกระจกมากที่สุดเช่นกัน คุณหู ซิ่วเหลียน นักวิจัยที่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปด้านพลังงานแห่งชาติจีน กล่าวว่าตัวเลขสถิติของ IEA นั้น เชื่อถือไม่ได้และมีอคติต่อจีน คุณหูบอกว่า ตามสถิติของจีนเองชี้ว่าจีนยังไม่ก้าวขึ้นเป็นประเทศที่ใช้พลังงานมากที่สุดดังที่ IEA อ้าง ซึ่งเห็นได้ชัดจากตัวเลขปริมาณการใช้น้ำมัน
ทางหัวหน้าคณะนักเศรษฐศาสตร์ของ IEA คุณฟาตีห์ ไบโรล ยืนยันว่า IEA ใช้วิธีคำนวณแบบเดียวกันกับทุกประเทศ และเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของสหประชาชาติ ข้อมูลที่ได้นั้นมาจากแหล่งพลังงานของประเทศต่างๆ ซึ่งทาง IEA ไม่มีปัญหาหากประเทศใดต้องการให้ชี้แจงที่มาของตัวเลขเหล่านั้น
จากการที่เศรษฐกิจจีนเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา คนจีนหลายร้อยล้านคนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น ต่างพากันซื้อบ้าน ซื้อรถและเครื่องใช้ไฟฟ้าตามสังคมบริโภคนิยม รายงานหลายชิ้นระบุตรงกันว่าพลังงานที่ใช้ในประเทศจีนนั้น ส่วนใหญ่มาจากถ่านหินซึ่งมีราคาถูกและหาได้ง่าย โดยการผลิตพลังงานจากถ่านหินนั้นเชื่อว่าเป็นตัวการสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำลายสิ่งแวดล้อมและก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน
รายงานชี้ว่าในแต่ละปี จีนสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มขึ้นปีละหลายร้อยแห่ง และปริมาณการใช้พลังงานจากถ่านหินนั้น คิดเป็นสัดส่วนราว 70% ของปริมาณพลังงานทั้งหมดที่ใช้ในประเทศจีน ส่งผลให้จีนคือประเทศที่ผลิตและใช้พลังงานจากถ่านหินมากที่สุดในโลก ในขณะเดียวกัน การที่จีนยืนยันไม่ใช้มาตรการจำกัดปริมาณการใช้พลังงานจากซากฟอสซิล และปฏิเสธข้อตกลงลดก๊าซที่เป็นสาเหตุของปรากฎการณ์เรือนกระจก สร้างความขุ่นเคืองให้แก่บรรดาผู้นำประเทศต่างๆ ที่ร่วมประชุมเรื่องภาวะโลกร้อนที่กรุงโคเปนเฮเก้นเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
แต่หากมองอีกด้านหนึ่ง จีนก็เป็นผู้นำในด้านพลังงานสะอาดเช่นกัน โดยบริษัทวิจัยระดับโลก REN 21 รายงานว่าจีนผลิตพลังงานจากลมเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันเมื่อ 2 ปีก่อน ด้วยตัวเลข 12 กิกกะวัตต์เมื่อปี คศ.2008 ในขณะที่การผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์และจากน้ำก็กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คุณฟาตีห์ ไบโรล นักเศรษฐศาสตร์ของ IEA ระบุว่าไม่มีรัฐบาลประเทศไหนที่จะกระตือรือร้นในเรื่องนโยบายด้านพลังงานสะอาดเท่ารัฐบาลจีน โดยเฉพาะในช่วงหลังวิกฤติเศรษฐกิจโลก รัฐบาลจีนได้จัดสรรงบประมาณราว 14.5% จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 586,000 ล้านดอลล่าร์ ให้แก่ภาคอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด นอกจากนี้จีนยังพยายามดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้มาลงทุนในส่วนนี้มากขึ้น
ทุ่งกังหันลมกว้างใหญ่ไพศาลชานกรุงปักกิ่งแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของรัฐบาลจีนในการพัฒนาแหล่งพลังงานสะอาดในประเทศทดแทนพลังงานจากถ่านหิน แต่คำถามสำคัญว่าจีนจะสามารถตอบสนองความต้องการด้านพลังงานในอนาคตของประชากรจำนวนมหาศาลมากกว่า 1,300 ล้านคนได้หรือไม่นั้น คำตอบยังคงอยู่ในสายลม
