นาย Edward Snowden อดีตผู้ทำงานให้กับหน่วยงานข่าวกรอง NSA ของสหรัฐฯ กล่าวก่อนออกเดินทางจากฮ่องกงไปกรุงมอสโคว์ว่าสหรัฐฯ เฝ้าติดตามการสื่อสารภายในประเทศจีนและมุ่งเป้าไปที่มหาวิทยาลัย Tsinghua ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานเครือข่ายอินเตอร์เนทหลักหนึ่งในหกเครือข่ายของจีน คำกล่าวเรื่องนี้มีขึ้นก่อนที่สหรัฐฯ จะประชุมเพื่อหารือด้านเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์กับจีนในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งคาดว่าประเด็นเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ หรือ Cyber Security จะเป็นหัวข้อหนึ่งของการหารือด้วย
ตั้งแต่ปี 2554 สหรัฐฯ ได้ระบุชื่อประเทศจีนว่าเป็นแหล่งที่มาของการโจมตีทางคอมพิวเตอร์ ต่อเป้าหมายทั้งที่เป็นหน่วยงานรัฐบาลและธุรกิจในสหรัฐฯ และในปีนี้นับเป็นครั้งแรกด้วยที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า การโจมตีดังกล่าวสามารถสืบสาวย้อนรอยกลับไปถึงหน่วยงานของกองทัพจีนในนครเซี่ยงไฮ้ แต่จีนตอบโต้ว่าตนตกเป็นเหยื่อหรือเป็นผู้เสียหายจากการโจมตีที่ว่านี้ และว่าการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ในประเทศจีนหลายครั้งมีที่มาจากในสหรัฐฯ
อาจารย์ Benjamin Koo จากคณะวิศวกรรมเครื่องกลของมหาวิทยาลัย Tsinghua กล่าวว่า หากคำล่าวของนาย Edward Snowden เป็นจริงก็นับว่าการล้วงข้อมูลของสหรัฐฯ ในประเทศจีนเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายแรงรวมทั้งสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาด้วย แต่นาย Nicholas Thomas ผู้สอนวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัย City University ในฮ่องกงชี้ว่า แท้จริงแล้วจีนเริ่มสร้างขีดความสามารถสำหรับการทำสงครามนอกรูปแบบลักษณะนี้มาได้ราว 20 ปีแล้ว เพราะรู้ว่ายังล้าหลังสหรัฐฯ อยู่มาก และความสามาถในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการเจาะล้วงข้อมูลจากระบบคอมพิวเตอร์ดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยชี้ขาดได้หากเกิดความขัดแย้งขึ้นกับสหรัฐฯ
