ลิ้งค์เชื่อมต่อ

จีนกำลังก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีตึกระฟ้าจำนวนมากที่สุดในโลก


เศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้แผนการก่อสร้างอาคารสูงในเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลกต้องระงับไปหลายโครงการ แต่ที่ประเทศจีนกำลังจะมีตึกระฟ้าผุดขึ้นอีกมากมายหลายสิบแห่ง โดยเฉพาะอาคาร Shanghai Tower ที่กำลังจะกลายเป็นอาคารสำนักงานแห่งใหม่ซึ่งสูงที่สุดในประเทศจีนด้วยความสูง 121 ชั้น

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อกันว่า ขณะนี้ตลาดอาคารระฟ้าในสหรัฐกำลังถดถอย และจีนกำลังก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีอาคารสูงระฟ้ามากที่สุดในโลกในช่วง 10-15 ปีข้างหน้า

ปัจจุบัน ในจำนวนตึกที่สูงที่สุดในโลก 15 อันดับแรกนั้น อยู่ในประเทศจีน 6 แห่ง อยู่ในสหรัฐ 3 แห่ง และจีนกำลังก่อสร้างตึกสูงระฟ้าอีกหลายสิบแห่งในหลายเมืองทั่วประเทศ โดยบางเมืองนั้นชาวตะวันตกแทบไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่กลับมีจำนวนประชากรและจำนวนตึกสูงมากกว่าเมืองใหญ่ๆในสหรัฐหลายเมือง

นอกจากจีนแล้ว ประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศทั่วโลกเช่น บราซิล อินเดีย ซาอุดิอาระเบีย และอินโดนีเซีย ต่างมีแผนหรือกำลังก่อสร้างตึกระฟ้าอีกหลายแห่งเช่นกัน ยังไม่นับรวมเมืองโดฮาและนครดูไบที่ต่างมีตึกสูงติดอันดับโลกหลายแห่ง ซึ่งแสดงให้เห็นแนวโน้มที่เริ่มถอยห่างจากภาพตึกระฟ้าในเมืองใหญ่ของประเทศตะวันตกที่เห็นกันจนชินตา

คุณ Antony Wood ผอ.สภาอาคารสูงและที่อยู่อาศัยในเมืองแห่งสถาบันเทคโนโลยีรัฐอิลลินอยส์ ชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยิ่งเห็นได้ชัดเจนหากพิจารณาตัวเลขที่ว่า ประเทศในแถบอเมริกาเหนือซึ่งเคยครองสัดส่วน 80 % ของจำนวนอาคารสูงที่สุดในโลก 100 อันดับแรกเมื่อ 20 ปีที่แล้วนั้น ในอีก 2 ปีคือปี คศ.2012 จะลดลงเหลือเพียง 18% และในเวลานั้นตึกสูงที่สุดในโลก 45 แห่งจากจำนวน 100 แห่งจะอยู่ในเอเชีย ในจำนวนนี้ 34 แห่งอยู่ในประเทศจีน โดยตึกที่กำลังจะกลายมาเป็นอาคารสูงที่สุดในประเทศจีนคือ Shanghai Tower ซึ่งมีความสูง 121 ชั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง

สาเหตุที่ทำให้อาคารสูงในประเทศจีนเฟื่องฟูนั้น ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเป็นเพราะความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองใหญ่ๆของจีนกำลังเพิ่มสูงมาก ประกอบกับรัฐบาลส่วนท้องถิ่นต้องการให้มีอาคารระฟ้ามากๆเพื่อแสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจการค้าของเมืองนั้น หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ รัฐบาลท้องถิ่นพยายามส่งสัญญาณบอกโลกภายนอกว่า ให้จับตามองการเติบโตในเมืองของตนให้ดี

XS
SM
MD
LG