ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีความเปลี่ยนแปลงมากมายในรูปลักษณ์ของเศรษฐกิจโลก และที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือในประเทศจีน ซึ่งในสัปดาห์นี้จะมีการฉลองครบรอบ 90 ปีของการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ที่ปกครองประเทศ
ขณะที่จีนมีเงินตราต่างประเทศสำรองมากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์นั้น จีนกลายเป็นผู้ให้กู้รายใหญ่ที่สุดในโลก ล้ำหน้าแม้กระทั่งธนาคารโลกในการออกเงินกู้แก่ประเทศกำลังพัฒนา
Domenico Lombardi ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินระหว่างประเทศที่สถาบัน Brookings ในกรุงวอชิงตันกล่าวว่า จีนเป็นผู้ให้กู้แก่สหรัฐรายสำคัญ ซึ่งทำให้จีนมีแรงผลักดันอยู่มากในการเจรจาทวิภาคี ด้วยการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอัตรา 8 % ต่อปี จีนจึงกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ เขากล่าวว่า หากเศรษฐกิจจีนไม่ขยายตัวรวดเร็วในอัตรานั้น เศรษฐกิจโลกก็จะย่ำแย่กว่าที่เป็นอยู่ หลังจากวิกฤติการณ์การเงินปี 2550 Domenico Lombardi กล่าวว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน ช่วยเกื้อหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกทั่วทั้งหมด
Yukon Huang ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียที่ Carnegie Endowment for International Peace ในกรุงวอชิงตันกล่าวว่า ตอนนี้จีนเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลก และว่าในอีก 10-15 ปีข้างหน้าจีนจะเป็นเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญยังถกอภิปรายกันอยู่ในเรื่องค่าเงินตราของจีน มีผู้เห็นว่า ทางการจีนทำให้ค่าเงินตราของตนต่ำเกินไป เพื่อให้ราคาสินค้าของตนถูก สหรัฐกล่าวว่า การที่ค่าเงินตราของจีนอ่อนกว่าที่ควรเป็น ทำให้สหรัฐขาดดุลการค้าจีนอย่างมาก และสูญเสียงานภาคการผลิตนับหมื่นงาน
แต่ Yukon Huang อัตราการแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้น จะทำให้เกิดความขัดแย้งทางการค้ามากขึ้น และจะทำให้ผู้บริโภคอเมริกันเสียประโยชน์ แทนที่จะเป็นการสร้างงานในสหรัฐ บรรดาบริษัทในอเมริกาจะไปหาแรงงานค่าแรงถูกที่อื่น และบรรดาตลาดที่กำลังขยายตัวเติบโตจะได้ประโยชน์
ธนาคารชาติของจีนกล่าวว่า อาจจำเป็นต้องปฏิรูปอัตราการแลกเปลี่ยนเงินหยวน เพื่อจัดการกับปัญหาต่าง ๆ และจีนยอมรับว่า ความสำเร็จทางเศรษฐกิจของจีน ต้องอาศัยเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในสภาพดี เพื่อจะได้สามารถซื้อสินค้าจากจีนได้
