ลิ้งค์เชื่อมต่อ

เศรษฐกิจจีนแซงหน้าเศรษฐกิจญี่ปุ่นขึ้นเป็นอันดับ 2 ของโลก


จีนแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐแล้ว โดยพิจารณาจากมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP สิ้นสุดการครองตำแหน่งอันดับ 2 ของญี่ปุ่นมานานกว่า 40 ปี และยิ่งเน้นย้ำให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีนเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลก

หลังจากเป็นตัวจักรสำคัญด้านการผลิตและการเงินโลกมายาวนานกว่า 4 ทศวรรษ ในที่สุดญี่ปุ่นก็ต้องเสียตำแหน่งประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ให้แก่จีน และแม้ที่ผ่านมานักวิเคราะห์ต่างเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็วเศรษฐกิจจีนจะต้องแซงผ่านเศรษฐกิจญี่ปุ่น แต่ชาวญี่ปุ่นไม่น้อยยังคงแปลกใจที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้

นักวิเคราะห์ชี้ว่า การเติบโตของเศรษฐกิจจีนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการฉุดดึงเศรษฐกิจโลกให้พ้นจากภาวะถดถอย โดยเฉพาะในส่วนของประเทศแถบเอเชียหลายประเทศที่สามารถส่งสินค้าไปขายในตลาดจีนซึ่งกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วได้ และปีนี้จีนได้ก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีตลาดรถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ในขณะที่รายงานอีกชิ้นหนึ่งระบุว่าจีนยังเป็นประเทศที่ใช้พลังงานมากที่สุดในโลกอีกด้วย

คุณ Louis Kuijs นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารโลก กล่าวว่าการเติบโตของจีนส่งผลกระทบต่อหลายส่วนของโลก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่จีนนำเข้าสินค้า วัตถุดิบ เทคโนโลยีและพลังงานจากประเทศอื่น และใช้กำไรที่ได้จากการส่งออกสินค้าเพื่อซื้อพันธบัตรของประเทศต่างๆ

อย่างไรก็ตาม คุณ Victor Gao ผู้อำนวยการสมาคมการวิจัยระหว่างประเทศแห่งชาติจีนเตือนว่า อาจมีการประเมินคุณค่ามากเกินไปสำหรับตัวเลขทางเศรษฐกิจล่าสุดของจีน คุณ Gao ให้ความเห็นว่า ตัวเลขมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP คือหนทางเดียวที่ใช้วัดขนาดเศรษฐกิจและเป็นบรรทัดฐานที่สำคัญ แต่เมื่อมองในอีกด้านหนึ่ง แม้เศรษฐกิจจีนจะแซงหน้าญี่ปุ่น แต่จีนก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้จากชาวญี่ปุ่นเช่นกัน

ในขณะเดียวกัน แม้เศรษฐกิจจีนกำลังแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ แต่รายได้ต่อหัวของคนจีนยังคงอยู่ในระดับต่ำมาก คืออยู่ในระดับเดียวกับประเทศกำลังพัฒนาอย่างนามิเบียและเติร์กเมนิสถาน หลายฝ่ายคาดหวังว่ารายได้ต่อหัวของประชากรจีนจะเพิ่มขึ้นในเร็ววันนี้ เช่นเดียวกับค่าเงินหยวนซึ่งนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากระบุว่ายังคงมีค่าต่ำกว่าความเป็นจริงอยู่มาก

ถึงกระนั้นก็ดี คุณ Louis Kuijs เชื่อว่าหลังจากผ่านวิกฤติเศรษฐกิจเอเชียและวิกฤติการเงินโลกมาได้แล้วนั้น การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนได้ช่วยสร้างความมั่นคงให้แก่เศรษฐกิจโลกและเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคในปัจจุบันได้ นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลกผู้นี้ชี้ว่า ทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจต่างมีความมั่นใจมากขึ้นต่อสถานะการณ์เศรษฐกิจโลกในขณะนี้ และทางด้านจีนเองก็มีความมั่นใจสูงในการก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกแทนที่สหรัฐ แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเชื่อว่าจะต้องใช้เวลาอีกราว 20 ปีก็ตาม

XS
SM
MD
LG