โคโค้ ชันเนลมีชื่อจริงว่า Gabrielle ชันเนล จัสติน ปิคาร์ดดี้ ผู้เขียนหนังสือเรื่องล่าสุดเกี่ยวกับชีวิตของชันเนลบอกว่าชันเนลเป็นเด็กเกิดนอกสมรส แม่พ่อไม่ได้แต่งงานกัน พ่อของชันเนลเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ เขาไม่ค่อยอยู่บ้านแต่งานการออกแบบเสื้อผ้าของชันเนลกลับได้รับอิทธิพลหลายๆด้านจากพ่อ
คุณจัสติน ปิคาร์ดดี้ ผู้เขียนบอกกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่า พ่อของชันเนลเป็นพ่อค้ากระดุมและริ้บบิ้นที่เดินทางตลอดเวลา จะเห็นว่าชันเนลใช้กระดุมและริ้บบิ้นเป็นส่วนหนึ่งในงานเสื้อผ้าที่เธอออกแบบ
พอชันเนลอายุได้สิบเอ็ดปี แม่ของเธอเสียชีวิตลง พ่อยกให้ชันเนลให้อยู่ในการดูแลของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ชันเนลเรียนรู้และเติบโตในความดูแลของแม่ชีแในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี่เองที่ชันเนลได้เรียนรู้ด้านการตัดเย็บ
คุณปิการ์ดี ผู้เขียนเล่าต่อว่า ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี่เองที่มีอิทธิพลหลายอย่างต่อแนวเสื้อผ้าที่โคโค้ ชันเนล ออกแบบ มีการผสมผสานระหว่างความมืดกับความสว่าง สีขาวกับสีดำ ชันเนลชอบใช้ไข่มุกในงานเสื้อผ้าที่เธอออกแบบ ผู้เขียนบอกว่าได้อิทธิพลจากสร้อยประคำของแม่ชี เข็มขัดโซ่ทองก็มาจากโซ่คล้องเอวที่แม่ชีสวม และที่ปลายเสื้อแจ็คเก็ตทุกตัวของชันเนลนมีโซ่เล็กๆที่เย็บติดอยู่
เมื่อโตเป็นสาว ชันเนลออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและกลายเป็นนักร้องคาบาเร่ เธอยืมเงินจากคู่รักไปตั้งร้านทำหมวกขายในกรุงปารีส ชันเนลชอบแต่งตัวสบายๆและมักจะปรับไอเดียเสื้อผ้าจากสิ่งที่เห็นรอบตัวและจากคนรอบข้าง ทำให้เธอดูเด่นมีสไตล์ไม่เหมือนใคร ลูกค้าชอบแนวเสื้อผ้าของชันเนลและเริ่มสั่งซื้อ
คุณปิการ์ดี้ ผู้เขียนบอกว่าในสมัยนั้น ผู้หญิงนิยมสวมชุดและต้องสวมคอร์เส็ตซึ่งทำจากกระดูกปลาวาฬเพื่อรัดทรวดทรงให้โค้งเว้า ทำให้เดินเหินยากและหายใจไม่ค่อยออก ชันเนลปรับแนวการแต่งตัวของผู้หญิงสมัยนั้นเสียใหม่ด้วยการตัดลดคอร์เส็ตกับเครื่องประดับที่ไม่จำเป็นออก
ชันเนลกลายเป็นผู้นำแฟชั่นแห่งศตรรษที่ยี่สิบเมื่อเธอออกแบบชุดกระโปรงสั้นสีดำ
จากการสัมภาษณ์คนใกล้ชิดของชันเนลที่ยังมีชีวิตอยู่ ญาติและลูกจ้าง รวมทั้งคาร์ล ลาเกอร์เฟล ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ของบริษัทชันเนล ผู้เขียนได้ภาพโคโค้ ชันเนลที่ใกล้ความเป็นจริงมากที่สุด เขาบอกว่าชันเนลมีบุคลิกที่ขัดแย้งในตัวสูง มักเป็นคนอมทุกข์และเหงาเพราะชีวิตวัยเด็กที่แร้นแค้นและความฝังใจเจ็บกับการถูกบิดาทอดทิ้ง แต่ในบางช่วงของชีวิตเธอก็มีความสุขมากและรู้สึกประสบความสำเร็จ ในบั้นปลายชีวิตของชันเนลเธอมีเพื่อนสนิทแค่ไม่กี่คนและเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย
ในหนังสือเล่มใหม่นี้ คุณจัสติน ปิคาร์ดี เขียนถึงบทบาทของชันเนลในการร่วมมือกับทางการเยอรมันตอนยึดกรุงปารีสในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ชันเนลเริ่มความสัมพันธ์กับสายลืบชาวเยอรมันในช่วงที่เยอรมันยึดกรุงปารีส สายสืบคนดังกล่าวนอกจากทำงานให้กับทางการอังกฤษแล้วยังเป็นสายลับให้กับทางการเยอรมันด้วย
แต่คุณซูซี่ เม็นเคส บรรณาธิการข่าวแฟชั่นแห่งหนังสือพิมพ์ International Herald Tribune บอกว่าเรื่องที่ชันเนลช่วยเหลือเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองไม่ใช่เรื่องใหม่ ทุกคนรู้ดีว่าชันเนลช่วยฝ่ายเยอรมัน แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครนำเรื่องนี้มาเป็นเหตุต่อต้านบริษัทชันเนลและในช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมาเจ้าของบริษัทชันเนลก็เป็นครอบครัวชาวยิว
แต่ผู้เขียนแย้งว่ามีคนฝรั่งเศลไม่พอใจในตัวชันเนลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง สื่อมวลชนในฝรั่งเศสเขียนบทรีวิวคอเลคชั่นใหม่ของชันเนลในทางลบตอนที่เธอกลับไปฝรั่งเศสในปีค.ศ.1954 หลังจากหนีไปอยู่ต่างประเทศ ทั้งๆที่เป็นคอลเลคชั่นเสื้อผ้าที่ยอดเยี่ยม หลายคนมองว่าพวกสื่อมวลชนฝรั่งเศสต้องการประนามชันเนล
ในช่วงยี่สิบปีต่อมา ชันเนลโด่งดังมาที่สุด ลูกค้าเด่นๆของชันเนลเป็นดาราฮอลิวู้ดชื่อดัง ตั้งแต่ Brigitte Bardot, Jane Fonda, Elizabeth Taylor และ Marilyn Monroe รวมทั้งสตรีหมายเลขหนึ่งอย่าง Jacky Kennedy ด้วย
คุณซูซี่ เม็นเคส บรรณาธิการข่าวแฟชั่นคนเดิมกล่าวปิดท้ายรายงานผู้สื่อข่าววีโอเอว่า ความลับการออกแบบแฟชั่นของชันเนลคือ ความเรียบง่าย ความทันสมัย และมนต์ขลังของอักษรตัวซีที่เป็นชื่อย่อ เธอบอกว่า แนวเสื้อผ้าของชันเนลสื่อความคิดก้าวหน้า ทันสมัยและดูกระฉับกระแฉง แม้ว่าชันเนลจะล่วงลับไปแล้ว สไตน์ของชันเนลยังคงอยู่
