ข้อมูลตัวเลขสำมะโนประชากรซึ่งสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐเปิดเผยในวันอังคารชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันมีผู้คนอาศัยอยู่ในสหรัฐราว 308 ล้าน 7 แสนคน ซึ่งนับเป็นอัตราการเพิ่มของประชากรที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1930 โดยเพิ่มขึ้น 9.7% จากการสำรวจสำมะโนประชากรครั้งที่แล้วเมื่อ ปี คศ. 2000
การสำรวจที่ทำขึ้น 10 ปีครั้งนี้มีความสำคัญต่อการกำหนดปริมาณเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางมูลค่ากว่า 4 แสนล้านดอลล่าร์ที่จะให้แก่รัฐต่างๆและจำนวนที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรของแต่ละรัฐ ซึ่งจากการสำรวจครั้งล่าสุดพบว่า 18 รัฐจะมีการเปลี่ยนแปลงจำนวนที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร บางรัฐได้ที่นั่งเพิ่มและบางรัฐได้ที่นั่งน้อยลง โดยรัฐที่ได้ที่นั่งเพิ่มได้แก่ เท็กซัส ฟลอริดา แอริโซน่า จอร์เจีย เนวาด้า เซาท์แคโรไลน่า ยูทาห์และวอชิงตัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ของพรรครีพับลิกัน ในขณะเดียวกัน รัฐที่จะสูญเสียที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรคือ โอไฮโอ นิวยอร์ค ลุยเซียอะน่า อิลลินอยย์ ไอโอว่า แมสซาชูเสตต์ มิชิแกน มิสซูรี่ นิวเจอร์ซีย์และเพนซิลเวเนีย ที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ของพรรคเดโมแครต
ผู้อำนวยการสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐ นาย Robert Groves ระบุว่า จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น 60% มาจากเด็กเกิดใหม่ และอีก 40% คือแรงงานต่างด้าว โดยการสำรวจสำมะโนประชากรนี้นับรวมผู้ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐทั้งแบบถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย สำหรับรัฐที่มีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ รัฐฟลอริดาและรัฐเท็กซัส ตามมาด้วยรัฐเนวาด้าและแคลิฟอร์เนีย
อย่างไรก็ตาม การที่อัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรในสหรัฐลดต่ำลงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งทำให้อัตราการเพิ่มของประชากรในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้แทบจะไม่เปลี่ยนแปลง
สำหรับข้อมูลตัวเลขด้านการจัดสรรจำนวนผู้แทนตามสัดส่วนประชากรนี้คือข้อมูลชุดแรกที่มาจากการสำรวจสำมะโนประชากรสหรัฐในปีนี้ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์และสิ้นสุดลงเมื่อเดือนเมษายน โดยต่อจากนี้ทางสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดด้านประชากร แบ่งแยกตามเชื้อชาติถึงระดับชุมชนหมู่บ้านในเขตต่างๆเพื่อให้แต่ละรัฐจัดสรรเขตเลือกตั้งใหม่ซึ่งจะนำมาใช้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในอีก 2 ปีข้างหน้า
