ธนาคารแห่งชาติกัมพูชา ตั้งเป้าลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยการเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัล “บากอง” (Bakong) พร้อมทั้งเก็บธนบัตรดอลลาร์ราคาต่ำ คือ $1, $2 และ $5 ออกจากตลาด แล้วเพิ่มการใช้เงินเรียล (Riel) ของกัมพูชาแทน
กัมพูชาใช้ระบบเงินสองสกุล คือ ดอลลาร์และเรียล ตั้งแต่สหประชาชาติเริ่มเข้ามาดูแลการเลือกตั้งภายในของกัมพูชามาตั้งแต่ปีค.ศ.1993 และนำสกุลเงินดอลลาร์เข้ามาใช้จนได้รับความนิยมแพร่หลาย และเป็นการสร้างความมั่นคงในระบบการเงินของกัมพูชาในช่วงการฟื้นฟูประเทศหลังสงคราม
และเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติของกัมพูชา เชีย ชานโต ระบุว่าความต้องการเงินเรียลเพิ่มขึ้นอย่างมากในระดับ 16% ต่อปีตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา ในขณะที่เศรษฐกิจกัมพูชามีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 7.8% และว่า การลดปริมาณการใช้เงินดอลลาร์และเปลี่ยนมาใช้สกุลเงินของกัมพูชาเอง จะช่วยให้แบงก์ชาติสามารถควบคุมเศรษฐกิจของประเทศได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารกลางกัมพูชาได้เริ่มนำธนบัตรเงินเรียลมูลค่าต่าง ๆ ตั้งแต่ 100 ไปจนถึง 100,000 เรียลมาใช้มากขึ้น ก่อให้เกิดความสับสนในหมู่ประชาชนและสร้างข่าวลือว่ารัฐบาลได้ห้ามใช้ธนบัตรดอลลาร์มูลค่า $1 และ $5 แล้ว
และเมื่อปลายปีที่แล้ว แบงก์ชาติกัมพูชาได้เปิดตัวเงินดิจิทัลสกุลแรก “บากอง” ที่ถูกออกแบบโดยบริษัทโซรามิตสึ (Soramitsu) ของญี่ปุ่น เพื่อใช้ในการทำธุรกรรมระหว่างธนาคารพาณิชย์กัมพูชากับสถาบันการเงินอื่น ๆ ผ่านสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์
รัฐบาลกัมพูชาหวังว่าเงินบากองจะช่วยดึงประชากรราว 70% ที่ไม่ค่อยถือเงินสด เข้าสู่ระบบการเงินของกัมพูชาอย่างถูกต้อง และเพิ่มเครื่องมือทางการเงินให้กับธนาคารกลางในการควบคุมการฟอกเงินและธุรกิจผิดกฎหมายต่าง ๆ รวมทั้งสร้างเสถียรภาพให้กับเงินเรียลในช่วงที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ กำลังลดความสำคัญลงไปอีกด้วย