เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 3% ไตรมาสที่ 2 แต่คาดว่าจะลดลงเพราะเฮอริเคนฮาร์วีย์
เศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาสดใสอีกครั้งในไตรมาสที่ 2 ของปี โดยเติบโตในอัตรา 3% ระหว่างเดือน เม.ย.เศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาสดใสอีกครั้งในไตรมาสที่ 2 ของปี โดยเติบโตในอัตรา 3% ระหว่างเดือน เม.ย. – มิ.ย. ตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี ค.ศ. 2015 และเพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับการเติบโต 1.2% เมื่อไตรมาสแรกของปีนี้
อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์หลายคนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาสที่สามของปีอาจเติบโตลดลงเล็กน้อยจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเติบโตที่ระดับ 3%
สาเหตุสำคัญคือผลกระทบทางเศรษฐกิจของพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ที่พัดถล่มรัฐเท็กซัสซึ่งเป็นที่ตั้งของแท่นขุดเจาะน้ำมันและโรงกลั่นน้ำมันจำนวนมาก ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลดลง และราคาน้ำมันในสหรัฐฯ สูงขึ้น
นอกจากอุตสาหกรรมน้ำมันแล้ว พายุฮาร์วีย์ยังส่งผลต่อธุรกิจการบินในนครฮิวส์ตันและพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งการขนส่งสินค้าทางทะเลและท่าเรือต่างๆ
คาดว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจากพายุเฮฮริเคนลูกนี้ จะมีสัดส่วนราว 0.3% - 1% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือ GDP ของสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์ของสถาบัน Moody’s คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตลอดทั้งปีนี้ จะเติบโตราว 2.1% ซึ่งสูงกว่าระดับ 1.5% เมื่อปีที่แล้ว และคาดว่าจะกระเตื้องขึ้นเป็น 2.8% ในปีหน้า
'ทรัมป์' เดินสายหาเสียงสนับสนุนนโยบายปฏิรูปภาษี
ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางไปยังรัฐมิสซูรีเพื่อหาเสียงสนับสนุนนโยบายปฏิรูปภาษีของตนเอง ด้วยการโฆษณาว่านโยบายดังกล่าวจะช่วยให้ประชาชนทั่วไปและภาคธุรกิจเสียภาษีน้อยลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานได้
ปธน. ทรัมป์ กล่าวต่อผู้สนับสนุนที่เมืองสปริงฟิลด์ รัฐมิสซูรี ว่าปัจจุบันภาคธุรกิจในสหรัฐฯ เสียเปรียบประเทศคู่แข่งอื่นๆ เนื่องจากต้องจ่ายภาษีในอัตราที่สูงกว่า
ก่อนหน้านี้ ปธน. ทรัมป์ เสนอนโยบายลดภาษีสำหรับบริษัทต่างๆ ลงจากระดับ 35% เป็น 15% รวมทั้งลดภาษีสำหรับประชาชน และลดข้อกำหนดหรือกฎเกณฑ์ด้านภาษีที่ยุ่งยากซึ่งใช้มาร่วม 30 ปี
