รัฐบาลทหารพม่ากล่าวว่า การเลือกสมาชิกรัฐสภา ซึ่งจะทำกันในวันที่ 7 เดือนหน้าเป็นการก้าวไปตามเส้นทางสู่ประชาธิปไตยก้าวหนึ่ง แต่คุณ เคนเน็ธ รอธ แห่งองค์กร Human Rights Watch เตือนให้ระวังว่า การเลือกตั้งจะเป็นการตบตาคน เขาเป็นผู้ดำเนินรายการอภิปรายเกี่ยวกับความคลี่คลายของเหตุการณ์ในพม่า การอภิปรายดำเนินไปทั่งวันที่คณะวิเทศคดีศึกษาระดับสูงของมหาวิทยาลัย จอห์นส ฮอพกิ้นส ณ กรุงวอชิงตัน
ผู้ร่วมการอภิปราย เดวิด วิลเลียมส แห่งศูนย์ประชาธิปไตยแบบมีรัฐธรรมนูญตั้งข้อสังเกตว่า ในขณะที่พลเรือนลงสมัครรับเลือกตั้งได้ แต่ก็มีการประกันว่าฝ่ายทหารจะครองที่นั่งในรัฐสภาร้อยละ 25 และมีอำนาจยับยั้งสมาชิกรัฐสภาอีกร้อยละ 75 ได้ คุณเดวิด วิลเลียมส กล่าวว่า คณะกรรมการเลือกตั้งประกอบด้วยบุคคลที่เป็นพวกเดียวกับฝ่ายทหาร ดังนั้นจะไม่มีผู้ใดที่ฝ่ายทหารไม่ยอมรับลงสมัครรับเลือกตั้งได้ เขากล่าวต่อไปว่า หลังการเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติที่ให้รัฐบาลปฎิบัติตามความปรารถนาของฝ่ายทหาร และว่า พม่าจะปกครองแบบผด็จการทหาร ซึ่งไม่ต่างอะไรกับที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ไม่มีผู้ใดในที่อภิปรายสงสัยเลยเกี่ยวกับเรื่องที่ว่ารัฐบาลทหารพม่าจะใช้อำนาจเด็ดขาดต่อไปหลังการเลือกตั้ง แต่คุณ เดวิด สไตน์เบิร์ก แห่งมหาวิทยาลัย Georgetown กล่าวว่า การเปิดโอกาสให้พลเรือนและฝ่ายที่มีความคิดเห็นขัดแย้งกับรัฐบาลลงสมัครรับเลือกตั้งได้นับว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญหลังจากฝ่ายทหารครองเมืองมาหลายสิบปี เขากล่าวด้วยว่า การวิพากษ์ตำหนิประวัติผลงานด้านสิทธิมนุษยชนของพม่าและการที่พม่าปฏิบัติต่อผู้ที่มีความคิดเห็นขัดแย้งกับรัฐบาลทหาร อย่างเช่นคุณ ออง ซาน ซู จีนั้นไม่ค่อยได้ผลเท่าใดนัก และว่าเรื่องที่ควรทำก็คือ ชี้ให้เห็นว่า ความประพฤติของฝ่ายทหารบ่อนเซาะวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้มีเอกภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่กองทัพพม่ากล่าวปกป้องอยู่นั้นอย่างไร?
ส่วนนักเศรษฐศาสตร์ อมาตติยา เซ็น ผู้ได้รับรางวัลโนเบล ก็แสดงความกังขาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของบรรดาผู้นำและนักการทูตของนานาประเทศที่นำความคับข้องใจเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชนไปร้องเรียนต่อบรรดาเจ้าหน้าที่พม่า
ตามทัศนะของนักเศรษฐศาสตร์ อมาตติยา เซ็น การลงโทษพม่าควรมุ่งเป้าไปที่ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของบรรดาผู้นำ โดยไม่ทำให้ชาวพม่าเดือดร้อน
สถานการณ์ในพม่าคงจะได้รับการหยิบยกขึ้นมาหารือกันระหว่างการที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามาไปเยือนเอเชียในเดือนหน้า ท่านประธานาธิบดีจะแวะเยือนอินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในการเยือนเอเชียครั้งนี้
