สุลต่านฮัสซานนาล โบเกียห์แห่งบรูไน ทรงริเริ่มการใช้กฎชารีอะห์ในการลงโทษพฤติกรรมที่ขัดกับศาสนา เมื่อ 5 ปีก่อน
ผลของกฎหมายที่เริ่มนำมาใช้ในสัปดาห์นี้จะทำให้ผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดจากกรณีคบชู้และมีสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน อาจต้องโทษถูกปาหินใส่จนเสียชีวิต
และผู้ที่ขโมยของผู้อื่นอาจถูกตัดมือขวาในการทำผิดครั้งแรก และมือซ้ายในการกระทำผิดแบบเดิมครั้งต่อไป
กฎหมายนี้ครอบคลุม การกระทำของเด็กและชาวต่างชาติที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามในประเทศบรูไน
การบังคับใช้กฎหมายของบรูไนในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของศาสนาอิสลามที่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้บรูไนมีประชากร 430,000 คน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม
ก่อนหน้านี้โฆษกของสำนักงานด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ เรียกร้องให้บรูไนล้มเลิกแผนบังคับใช้กฎหมายใหม่นี้ โดยระบุว่าความเชื่อทางศาสนาและการเคารพสิทธิมนุษยชนสามารถหาพื้นที่อยู่ร่วมกันได้
ตัวแทนของสหประชาชาติกล่าวด้วยว่าอันที่จริงแล้วพื้นฐานของทั้งสองสิ่งเหมือนกัน และหากหาจุดยืนร่วมกันได้ ก็จะเกิดกฎหมายที่ปราบปรามอาชญากรรม และเคารพสิทธิมนุษยนชนของประชากรทุกกลุ่มในบรูไน
ขณะนี้ สหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี และฝรั่งเศส ต่างเรียกร้องให้บรูไนไม่ใช้กฎหมายที่ว่านี้้
รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ โรเบิร์ต พัลลาดิโน กล่าวว่าการตัดสินใจของบรูไนขัดกับพันธะที่มีต่อนานาชาติเรื่องสิทธิมนุษยชน
ด้านนายฟิล โรเบิร์ตสัน ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียของหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชน Human Rights Watch กฎการลงโทษตามแนวทางชารีอะห์ของบรูไน “ป่าเถื่อน” และนำมาซึ่งการลงทัณฑ์ที่หลงยุคต่อพฤติกรรมที่ไม่ควรจะเป็นการทำผิดอาญา
อย่างไรก็ตาม ในวันพุธ ซึ่งเป็นวันสำคัญของศาสนาอิสลาม สุลต่านบรูไนทรงเรียกร้องให้มีการสอนศาสนาอิสลามที่เเข็งขันขึ้น แต่ไม่ได้ตรัสถึงกฎชารีอะห์ในการลงโทษพฤติกรรมที่ขัดกับศาสนา
สำหรับการต่อต้านการใช้กฎหมายนี้ของบรูไนจากกลุ่มอื่นๆ ศิลปินทั้งที่เป็นคนรักเพศเดียวกัน เช่น นักร้องเอลตัน จอห์น และพิธีกร เอลเลน ดีเจเนอเรส และคนดังที่เป็นคบเพศตรงข้าม เช่น จอร์จ คลูนีย์ ต่างร่วมประณามบรูไน
คนดังเหล่านี้ เรียกร้องให้คนเลิกใช้บริการของโรงแรม 9 แห่ง ในสหรัฐฯและอังกฤษที่เกี่ยวโยงกับสุลต่านบรูไน