รัฐบาลสหรัฐประกาศให้วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมาเป็นวันปั่นจักรยานไปทำงานแห่งชาติ ทั้งส.ส นายกเทศมนตรี เจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐบาลและประชาชนในหลายร้อยเมืองทั่วสหรัฐต่างพร้อมใจกันปั่นจักรยาน เพื่อแสดงพลังและรณรงค์ให้ผู้คนเห็นความสำคัญของจักรยานในฐานะทางเลือกอีกทางหนึ่งของการเดินทางในปัจจุบัน
ชุมชนคนปั่นจักรยานในอเมริกามีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เฉพาะที่นครฟิลาเดลเฟียเวลานี้มีคนปั่นจักรยานไปทำงานมากกว่า 1 หมื่นคนในแต่ละวัน คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะยิ่งเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากราคาน้ำมันยังแพงขึ้นเรื่อยๆเช่นนี้
คุณ Andrew Stober แห่งสำนักงานการขนส่งนครฟิลาเดลเฟีย ระบุว่าย้อนไปเมื่อไม่กี่ปีที่แล้วยังไม่ค่อยมีคนใช้จักรยานมากนัก แต่เนื่องจากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นและการหันมาให้ความสำคัญด้านสุขภาพ ตลอดจนรัฐบาลสนับสนุนให้การขี่จักรยานในเมืองทำได้ง่ายขึ้น ผู้คนจึงเริ่มนำจักรยานออกมาปั่นทั้งเพื่อไปทำงานและเพื่อสุขภาพ ส่วนคุณ Kate Powilson แห่งกลุ่ม BikesBelong ระบุว่าจักรยานเหมาะกับการเดินทางในเมืองใหญ่ๆในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เพราะรัฐบาลไม่มีงบประมาณมากนักในการตัดถนนใหม่หรือขยายการขนส่งมวลชนแบบอื่น จักรยานจึงเป็นทางเลือกราคาถูกในการเดินทาง
นอกจากเป็นการเดินทางราคาถูกแล้ว ต้นทุนในการซื้อและการดูแลรักษาจักรยานก็น้อยกว่ารถยนต์มาก นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ยอดขายจักรยานในอเมริกาปีนี้จึงเพิ่มสูงขึ้นถึง 29% จากปีที่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้มิได้สร้างความแปลกใจให้กับคุณ Andy Clark ประธานสมาคมผู้ปั่นจักรยานอเมริกัน เขาเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลสหรัฐหันมาสนับสนุนเรื่องนี้อย่างจริงๆจัง ด้วยการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆสำหรับผู้ปั่นจักรยานในเมือง
คุณ Clark ระบุว่าช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้เกิดช่องทางสำหรับจักรยานมากมายตาม ถนนสายหลักๆในเมืองใหญ่ๆ และยังติดตั้งช่องจอดรถจักรยานตามทางเท้า ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆเหมือนประเทศทางยุโรป โดยเมื่อปีที่แล้วมีการสร้างช่องทางสำหรับจักรยานราว 32 กม.ในนครบอสตัน มากกว่า 80 กม.ในนครนิวยอร์ค และราว 600 กม.ในนครฟิลาเดลเฟีย ทำให้การปั่นจักรยานตามถนนในเมืองใหญ่เหล่านั้นทำได้ง่ายขึ้น ไม่อันตรายหวาดเสียวเหมือนเมื่อก่อน โดยเมื่อเร็วๆนี้สมาคมผู้ปั่นจักรยานอเมริกันจัดให้ชุมชนต่างๆเกือบ 200 แห่งใน 44 รัฐทั่วสหรัฐเป็นชุมชนที่เป็นมิตรไม่มีพิษภัยต่อการปั่นจักรยาน
คุณ Andy Clark ประธานสมาคมผู้ปั่นจักรยานอเมริกันบอกว่าย้อนไปเมื่อวัยเด็กทุกคนต่างรับรู้ได้ถึงความสนุกจากการปั่นจักรยานและสายลมที่พัดโชยเส้นผมปลิวไสว แต่สิ่งที่หายไปในวันนี้คือความอิสระเสรี ความตื่นเต้นและความสนุกเช่นนั้น ซึ่งทุกคนอาจนำความรู้สึกดังกล่าวกลับมาได้ เพียงแค่ลองกลับไปนั่งบนอานและออกแรงปั่นอีกสักครั้ง