ลิ้งค์เชื่อมต่อ

‘ไบเดน’ แถลงข่าวครั้งเเรกในฐานะปธน. ท่ามกลางประเด็นร้อนมากมาย


President Joe Biden speaks during a news conference in the East Room of the White House, March 25, 2021, in Washington.
President Joe Biden speaks during a news conference in the East Room of the White House, March 25, 2021, in Washington.
Biden First Conference
please wait

No media source currently available

0:00 0:04:49 0:00


ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ขึ้นแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐฯ หลังเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เต็มตัวมากว่า 2 เดือน และการแถลงข่าวและตอบคำถามสื่อมวลชนครั้งแรกนี้ กินเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเศษ แต่เต็มไปด้วยประเด็นร้อนทั้งในและต่างประเทศที่รอให้ผู้นำสหรัฐฯ ตอบทุกข้อสงสัย ตามรายงานจากรอยเตอร์และเอพี

ตั้งเป้าใหม่แจกวัคซีนครบ 200 ล้านโดส ภายใน 100 วันแรก

ประธานาธิบดีไบเดน ใช้เวทีนี้ ประกาศเป้าหมายด้านการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนชาวอเมริกัน ให้ถึง 200 ล้านโดส ภายในกรอบเวลา 100 วันแรก ที่ปธน.ไบเดนปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเดิมถึงเท่าตัว จากที่ปธน.ไบเดน ชูความสำเร็จจากการพิชิตเป้าหมาย 100 ล้านโดสแรกไปล่วงหน้า 42 วัน

พร้อมกันนี้ ยังกล่าวถึงการแจกเงินช่วยเหลือชาวอเมริกันก้อนใหม่ว่าไปถึงมือประชาชนครบ 100 ล้านคนในระยะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านกฎหมาย American Rescue Plan ด้วยเช่นกัน และเชื่อมั่นว่าแผนช่วยเหลือชาวอเมริกันจากพิษโควิด-19 จะหนุนให้เศรษฐกิจอเมริกันเติบโตได้ในปีนี้

ออกโรงป้องนโยบายคนเข้าเมือง

ในระหว่างเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถามเป็นครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง ปธน.ไบเดน ออกโรงป้องนโยบายคนเข้าเมือง และการช่วยเหลือผู้อพยพที่เป็นเด็กที่ข้ามพรมแดนมาจากเม็กซิโกอย่างแข็งขัน ท่ามกลางความกังวลถึงคลื่นผู้อพยพที่หลั่งไหลเข้าสหรัฐฯ มากที่สุดในรอบ 20 ปีในยุคไบเดน

ปธน.ไบเดน ยืนยันว่าคลื่นผู้อพยพที่เข้ามายังสหรัฐฯ เป็นสถานการณ์ปกติ และยืนยันว่าไม่มีรัฐบาลชุดใดที่ปฏิเสธให้ความช่วยเหลือและให้ที่พักพิงกับเด็กที่เดินทางข้ามพรมแดนจากเม็กซิโก เว้นแต่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

พร้อมกันนี้ ปธน.ไบเดน ยังกล่าวว่า ได้มอบหมายให้รองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริส นำทีมเจรจากรณีผู้อพยพเข้าสหรัฐฯ โดยจะหารือกับประเทศในแถบอเมริกาที่เป็นเส้นทางของผู้อพยพเพื่อแก้ปัญหานี้โดยตรง

ยืนยันลงชิงเก้าอี้ปธน.สมัยสอง

อีกหนึ่งประเด็นที่ได้รับความสนใจ คือ บทบาททางการเมืองในสมัยหน้าของประธานาธิบดีไบเดน หลังจากนักวิเคราะห์ทางการเมืองต่างตั้งข้อสังเกตว่า ปธน.ไบเดน ในวัย 78 ปี อาจดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เพียงสมัยเดียวเท่านั้น

แต่ปธน.ไบเดน สยบประเด็นดังกล่าวเป็นครั้งแรก ด้วยการยืนยันว่า ตนมีแผนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้งในปี ค.ศ. 2024 และแน่นอนว่ารองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส จะยังคงเป็นคู่ชิงในฐานะรองประธานาธิบดีกับเขาอีกเช่นเดิม พร้อมทั้งยืนยันว่าตนพร้อมที่จะใช้อำนาจที่มีในมือ เพื่อหยุดยั้งการกีดกันสิทธิในการเลือกตั้งของชาวอเมริกันด้วย

จับตาเกาหลีเหนือใกล้ชิด-หารือพันธมิตรรับมือภัยคุกคาม

ส่วนประเด็นนโยบายต่างประเทศ จากกรณีที่เกาหลีเหนือ เปิดฉากทดสอบขีปนาวุธ ในวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นของเกาหลีเหนือ ไม่ถึง 1 วันก่อนปธน.ไบเดนจะแถลงต่อสื่อมวลชน ทาง ปธน.ไบเดน ได้ใช้เวทีนี้เตือนเกาหลีเหนือว่า จะต้องเตรียมรับมือกับผลที่ตามมาจากการกระทำดังกล่าว และว่าสหรัฐฯอยู่ระหว่างการหารือกับชาติพันธมิตรในการรับมือกับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ

ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำว่า หากเกาหลีเหนือเลือกที่จะยกระดับความตึงเครียด สหรัฐฯก็พร้อมที่จะตอบโต้ แต่อีกด้านหนึ่ง สหรัฐฯ ก็พร้อมที่จะเปิดการเจรจาทางการทูตกับเกาหลีเหนือ เพื่อยับยั้งการพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือต่อไป ในระหว่างที่ฝั่งเกาหลีเหนือ ต้องการให้สหรัฐฯ และนานาประเทศ ผ่อนคลายมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจกับเกาหลีเหนือเสียก่อน

ส่วนประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทางปธน.ไบเดน ย้ำในการแถลงข่าวว่า ตนให้ความชัดเจนกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มาโดยตลอดว่า สหรัฐฯไม่ได้ต้องการการเผชิญหน้าระหว่างกัน และขอให้จีนทำตามกฎระเบียบระหว่างประเทศในการแข่งขันทางการค้า

ส่วนการถอนทหารสหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถาน ปธน.ไบเดน เลี่ยงจะที่ตอบกรอบเวลาที่ชัดเจน เพียงแต่บอกว่า เส้นตายวันที่ 1 พฤษภาคมอาจยากเย็นเกินไปภายใต้สถานการณ์ที่เป็นอยู่

เร่งประสานความร่วมมือ-ยุติการแบ่งแยกในสังคม

ปธน.ไบเดน เรียกร้องให้สมาชิกสภาจากพรรครีพับลิกัน ยุติการแบ่งแยกทางการเมืองอเมริกัน และสนับสนุนการปฏิรูปกฎหมายต่างๆ อาทิ กฎหมายครอบครองปืน การแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และนโยบายคนเข้าเมือง โดยยืนยันว่า ตนเข้ามาทำหน้าที่นี้เพื่อแก้ปัญหา ไม่ใช่เข้ามาสร้างความขัดแย้งแบ่งแยก

นับตั้งแต่ประธานาธิบดีไบเดน ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เมื่อ 20 มกราคมที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐฯ วัย 78 ปี เผชิญกับความท้าทายทั้งศึกนอกศึกใน ไม่ว่าจะเป็นเหตุยิงกราด 2 ครั้งในรอบ 2 สัปดาห์ ที่คร่าชีวิตผู้คนนับสิบราย การแบ่งแยกภายในพรรคเดโมแครตที่ส่อแววหนักหนาขึ้น ภาวะคลื่นผู้อพยพหลั่งไหลเข้าสหรัฐฯ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ขณะที่ศึกนอกจากบททดสอบบทบาทผู้นำของไบเดน จากฝั่งเกาหลีเหนือและรัสเซีย

ทั้งนี้ ในยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ใช้วาทกรรมถึงสื่อมวลชนว่าเป็น “ศัตรูของประชาชน” และยุบการแถลงข่าวประจำวันที่ทำเนียบขาว ก่อนที่ปธน.ไบเดนจะกลับมาฟื้นฟูช่องทางระหว่างทำเนียบขาวกับสื่อมวลชนนี้กลับคืนมา

แต่ ปธน.ไบเดน ยังเจอแรงกดดันให้จัดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ หลังดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯมาร่วม 2 เดือน โดยไม่เคยจัดการแถลงข่าวให้สื่อได้ซักถามอย่างตรงไปตรงมา จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ผู้นำสหรัฐฯ ได้รับการปกป้องจากทีมงานจนเข้าถึงยากจนเกินไป

ในมุมมองของแฟรงค์ เซสโน อาจารย์ภาควิชาสื่อสารมวลชน จากมหาวิทยาลัย George Washington University เปิดเผยกับ Associated Press ว่า ที่ผ่านมาปธน.ไบเดน ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์สำคัญมากมาย ทั้งในพิธีปฏิญาณตนรับตำแหน่ง และการแถลงข่าวสถานการณ์โควิดในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งชี้ให้เห็นว่าปธน.ไบเดน สามารถสื่อสารกับประชาชนได้มากกว่าการใช้เวทีแถลงข่าวกับสื่อไปมาก และนั่นคือจุดแข็งของไบเดน

ด้านเคทลีน ฮอล เจมีสัน อาจารย์ด้านการสื่อสารจาก University of Pennsylvania ให้ทัศนะว่า การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนมีเป้าหมายสำคัญ คือ การเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้รับรู้ว่าผู้นำของพวกเขาเชื่อถือได้ในการตัดสินใจสำคัญๆ ของประเทศ

แต่คำถามต่อไปก็คือว่า อะไรคือสิ่งที่ประชาชนจะได้รับรู้เกี่ยวกับการแถลงข่าวนี้ และสิ่งเหล่านี้สำคัญแค่ไหน? คำตอบคือว่า นี่คือสิ่งที่ประธานาธิบดีสื่อสารกับคนทั้งประเทศนั่นเอง

XS
SM
MD
LG