เศรษฐกิจของออสเตรเลียเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1991 เนื่องจากผลกระทบจากวิกฤติการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่นำมาสู่การบังคับใช้มาตรการล็อคดาวน์และการจำกัดกิจกรรมต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักและมีผู้ตกงานเป็นจำนวนมาก
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติออสเตรเลียแสดงให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ของประเทศลดลง 7 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดยอัตราการหดตัวนี้รุนแรงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนคาดไว้ ขณะที่นายธนารักษ์ออสเตรเลีย จอช ไฟรเดนเบิร์ก ระบุว่า สถานการณ์ในปัจจุบัน คือวิกฤติรุนแรงไม่เหมือนที่ผ่านมา และเป็นการตกต่ำที่แย่ที่สุดของประเทศในช่วงหลายทศวรรษด้วย
อัตราการขยายตัวของจีดีพีที่ติดลบต่อเนื่องกัน 2 ไตรมาส หลังเศรษฐกิจของออสเตรเลียหดตัวไปแล้ว 0.3 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสแรกของปีนี้ ทำให้ออสเตรเลียเข้าสู่ภาวะถดถอยไปโดยปริยาย
ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อเกือบทุกภาคส่วนของออสเตรเลีย ตั้งแต่ภาคธุรกิจค้าปลีก ไปจนถึงธุรกิจการให้บริการต่างๆ รวมทั้งอุตสาหกรรมเหมือง การศึกษา และการท่องเที่ยว
ทางการออสเตรเลียกล่าวว่า สถานการณ์อาจจะย่ำแย่ลงไปได้อีก หลังเกิดการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ในรัฐวิกตอเรีย ที่ทำให้ทางการต้องสั่งปิดพื้นที่อีกครั้ง และน่าจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศ
รัฐมนตรีกระทรวงการคลังออสเตรเลีย แมทเธียส คอร์แมนน์ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการคือ การควบคุมการระบาดในรัฐวิกตอเรีย เพื่อให้กระบวนการเปิดกิจกรรมภาคเศรษฐกิจเดินหน้าให้มากที่สุดและรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ข้อมูลระบุว่า อัตราการว่างงานของออสเตรเลียอยู่ที่ 7.5 เปอร์เซ็นต์และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นไปอีก ขณะที่รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือเพื่อให้นายจ้างสามารถจ่ายค่าแรงคนงานเป็นมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ที่จะมีผลถึงเดือนมีนาคมของปีหน้าแล้ว
