ปัญหาภัยแล้งในรัสเซียทำให้ผลผลิตข้าวสาลีเสียหายอย่างหนักและรัสเซียสั่งระงับการส่งออกในปีนี้ แต่ผลผลิตข้าวสาลีของสหรัฐฯ คาดว่าจะสูงขึ้นราว 2 % และปีนี้อาจเป็นปีที่ดีที่สุดของข้าวสาลีในแง่ผลผลิตต่อพื้นที่เพาะปลูกด้วย อย่างไรก็ตามผลผลิตที่เสียหายในรัสเซียและราคาที่สูงขึ้นในตลาดโลก ไม่ได้สร้างความกังวลให้กับประเทศในเอเซียมากเท่าใดนัก เพราะจีนกับอินเดียเป็นสองประเทศที่ปลูกข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดของโลก และผลผลิตส่วนใหญ่ก็ใช้เพื่อการบริโภคในประเทศเป็นหลัก โดยราคาข้าวสาลีในประเทศจีนนั้นสูงกว่าในตลาดโลกอยู่แล้ว ส่วนอินเดียก็เก็บข้าวสาลีสำรองไว้ส่วนหนึ่งและส่งขายบางส่วนให้กับประเทศเพื่อนบ้าน
อย่างไรก็ตามจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นในเอเซีย และรสนิยม รวมทั้งความต้องการบริโภคโปรตีนและเนื้อสัตว์มากขึ้น อาจทำให้ประเทศในเอเซียต้องนำเข้าการเมล็ดธัญญพืชจากต่างประทศ เช่นข้าวสาลี ข้าวโพด และถั่วเหลืองเพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ก็จะเป็นผลดีสำหรับเกษตรกรในสหรัฐฯ แต่เกษตรกรสหรัฐฯ ก็มีคู่แข่งที่สำคัญคือออสเตรเลีย เพราะออสเตรเลียสามารถส่งสินค้าออกเมล็ดธัญญพืชของตนไปยังตลาดเอเซียได้เร็วกว่า และในราคาที่ถูกกว่าด้วย