ในการประชุมของคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชีย-แปซิฟิก หรือ ESCAP ที่กรุงเทพฯในสัปดาห์นี้ จุดประสงค์สำคัญอันหนึ่ง คือการกระตุ้นให้ระบบเศรษฐกิจในภูมิภาค มีสมรรถนะเพิ่มขึ้นในการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติและวิกฤติการณ์ทางการเงิน
Noeleen Heyzer รองเลขาธิการสหประชาชาติและผู้อำนวยการของ ESCAP กล่าวว่า รัฐบาลในเอเชีย-แปซิฟิกจะต้องทำงานอย่างมีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น เมื่อคำนึงดูว่า ภัยคุกคามทั้งจากภัยธรรมชาติและที่เกิดจากมือมนุษย์ในภูมิภาคนี้ มีเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา
รายงานของสหประชาชาติระบุว่า เอเชีย-แปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีแนวโน้มว่าจะมีภัยธรรมชาติมากที่สุด เฉพาะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีประชาชนราวๆสองล้านห้าแสนคนที่ประสบภัยธรรมชาติ และอีกเกือบแปดแสนคนที่เสียชีวิต
นอกจากนี้ วิกฤติการณ์การเงินในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ทำให้ผู้คนนับล้านๆคนยากจนลง และปัญหาหนี้สินในยุโรปและอเมริกาก็ยังส่งผลกระทบถึงด้วย
เจ้าหน้าที่สหประชาชาติผู้นี้ให้ความเห็นว่า สามารถลดความเสี่ยงภัยได้โดยการเปลี่ยนแปลงนโยบาย เช่น การกำหนดมาตรฐานการก่อสร้างอาคารสถานที่ให้แข็งแรงขึ้นก็เป็นวิธีหนึ่ง การพิจารณาการใช้ที่ดินว่าได้สร้างชุมชนไว้ที่ไหนบ้าง หรือการอนุญาตให้องค์กรต่างๆเติบโตได้อย่างไรบ้าง เหล่านี้เป็นต้น
ในขณะเดียวกัน ก็ต้องพิจารณาเรื่องวิกฤติการณ์การเงินกันด้วย และว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเรียกร้องให้มีระบบการเงินโลกที่มีความรับผิดชอบมากขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน Shamika Sirimanne ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าของ ESCAP ให้ความเห็นว่า รัฐบาลควรเพิ่มการปกป้องคุ้มครองทางสังคมให้กับประชาชน โดยเฉพาะคนยากจนและผู้ที่อ่อนแอ
เจ้าหน้าที่ของ ESCAP ผู้นี้กล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบคนกลุ่มเดียว คือคนยากจน และว่าคนเหล่านี้ดำรงชีพด้วยรายได้ไม่ถึง 2 ดอลล่าร์ หรือ ราวๆ หกสิบบาทต่อวัน และอยากจะให้รัฐบาลประเทศต่างๆในภูมิภาคตระหนักในเรื่องนี้ และดำเนินมาตรการทางเศรษฐกิจมหภาคเพื่อมิให้วิกฤติการเงินส่งผลกระทบถึงคนหลุ่มนี้ได้อีก
ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าของ ESCAP กล่าวว่า ควรรับประกันด้วยว่า การลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องพิจารณา เมื่อคำนึงถึงผลกระทบจากแนวโน้มดินฟ้าอากาศที่มีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องเพราะบรรยาการห่อหุ้มโลกร้อนขึ้น
จะมีเจ้าหน้าที่อาวุโสและรัฐมนตรีจากประเทศสมาชิกมากกว่า 60 ประเทศไปร่วมการประชุมของ ESCAP ครั้งนี้
Noeleen Heyzer รองเลขาธิการสหประชาชาติและผู้อำนวยการของ ESCAP กล่าวว่า รัฐบาลในเอเชีย-แปซิฟิกจะต้องทำงานอย่างมีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น เมื่อคำนึงดูว่า ภัยคุกคามทั้งจากภัยธรรมชาติและที่เกิดจากมือมนุษย์ในภูมิภาคนี้ มีเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา
รายงานของสหประชาชาติระบุว่า เอเชีย-แปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีแนวโน้มว่าจะมีภัยธรรมชาติมากที่สุด เฉพาะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีประชาชนราวๆสองล้านห้าแสนคนที่ประสบภัยธรรมชาติ และอีกเกือบแปดแสนคนที่เสียชีวิต
นอกจากนี้ วิกฤติการณ์การเงินในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ทำให้ผู้คนนับล้านๆคนยากจนลง และปัญหาหนี้สินในยุโรปและอเมริกาก็ยังส่งผลกระทบถึงด้วย
เจ้าหน้าที่สหประชาชาติผู้นี้ให้ความเห็นว่า สามารถลดความเสี่ยงภัยได้โดยการเปลี่ยนแปลงนโยบาย เช่น การกำหนดมาตรฐานการก่อสร้างอาคารสถานที่ให้แข็งแรงขึ้นก็เป็นวิธีหนึ่ง การพิจารณาการใช้ที่ดินว่าได้สร้างชุมชนไว้ที่ไหนบ้าง หรือการอนุญาตให้องค์กรต่างๆเติบโตได้อย่างไรบ้าง เหล่านี้เป็นต้น
ในขณะเดียวกัน ก็ต้องพิจารณาเรื่องวิกฤติการณ์การเงินกันด้วย และว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเรียกร้องให้มีระบบการเงินโลกที่มีความรับผิดชอบมากขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน Shamika Sirimanne ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าของ ESCAP ให้ความเห็นว่า รัฐบาลควรเพิ่มการปกป้องคุ้มครองทางสังคมให้กับประชาชน โดยเฉพาะคนยากจนและผู้ที่อ่อนแอ
เจ้าหน้าที่ของ ESCAP ผู้นี้กล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบคนกลุ่มเดียว คือคนยากจน และว่าคนเหล่านี้ดำรงชีพด้วยรายได้ไม่ถึง 2 ดอลล่าร์ หรือ ราวๆ หกสิบบาทต่อวัน และอยากจะให้รัฐบาลประเทศต่างๆในภูมิภาคตระหนักในเรื่องนี้ และดำเนินมาตรการทางเศรษฐกิจมหภาคเพื่อมิให้วิกฤติการเงินส่งผลกระทบถึงคนหลุ่มนี้ได้อีก
ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าของ ESCAP กล่าวว่า ควรรับประกันด้วยว่า การลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องพิจารณา เมื่อคำนึงถึงผลกระทบจากแนวโน้มดินฟ้าอากาศที่มีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องเพราะบรรยาการห่อหุ้มโลกร้อนขึ้น
จะมีเจ้าหน้าที่อาวุโสและรัฐมนตรีจากประเทศสมาชิกมากกว่า 60 ประเทศไปร่วมการประชุมของ ESCAP ครั้งนี้