ย้อนไปเมื่อ 20-30 ปีก่อน เด็กเอเชียส่วนใหญ่ที่เติบโตที่อเมริกามักจะถูกกลืนหายไปในสังคมอเมริกัน ขาดการเชื่อมต่อทางวัฒนธรรมทั้งกับประเทศบ้านเกิดของบรรพบุรุษและประเทศที่ตนเติบโตขึ้นมา ทำให้ไม่มีเอกลักษณ์หรือตัวตนที่เด่นชัดทั้งในโรงเรียนและชุมชน แต่ปัจจุบันดูเหมือนเด็กที่มีเชื้อสายเอเชียกำลังนำวัฒนธรรมแบบเอเชียมาสร้างความภูมิใจและเอกลักษณ์ใหม่ๆให้พวกเขาเอง
คุณ Tiffany Porter นักศึกษามหาวิทยาลัยในอเมริกาผู้นี้นิยมไปนั่งที่ร้านชาไข่มุกแห่งหนึ่งแถวมหาวิทยาลัยเป็นประจำ เธอบอกว่าที่นี่เธอได้เจอกับคนเอเชียมากมาย ทำให้รู้สึกสบายใจเหมือนอยู่บ้าน Tiffany รวมทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่เชื้อสายเอเชียอีกจำนวนมากที่มีรสนิยมคล้ายกัน คือส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่นักสังคมวิทยา Oliver Wang บอกว่าเป็นคนรุ่นชาไข่มุกหรือ “Boba Generation” ที่กำลังขยายตัวในอเมริกาพร้อมกับร้านชาไข่มุกที่ผุดขึ้นทั่วไป โดยคนรุ่นชาไข่มุกนี้อาจมีตั้งแต่วัยรุ่นตอนต้นไปจนถึงคนวัย 40 ต้นๆ
คุณ Oliver Wang อธิบายว่าชาไข่มุกหรือที่คนอเมริกันเรียกว่า Boba ซึ่งมีลักษณะเป็นแป้งมันสำมะหลังก้อนกลมๆใส่ในเครื่องดื่มประเภทหวานเย็นและชาเย็นต่างๆนั้น คือสัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมของคนเอเชียในอเมริกา โดยเฉพาะคนจีนและไต้หวัน
เมื่อก่อนนั้นเด็กเชื้อสายเอเชียมักถูกมองว่าเป็นเด็กเรียนเก่ง แต่กลับไม่ได้รับความสนใจในระดับสูงทั้งในโรงเรียน ชุมชนและสังคมโดยรวม แต่เด็กเอเชียรุ่นหลังๆ เติบโตขึ้นมาโดยเห็นคนเอเชียหน้าคล้ายๆกันอยู่ทั่วไป ทั้งในทีวี อินเทอร์เนตหรือในวงการต่างๆ จนไม่รู้สึกว่าตนเองแปลกแยกออกจากสังคมอเมริกันอีกต่อไป
เพลง Boba Life ของวง The Fung Brothers ซึ่งกลายเป็นปรากฎการณ์ใหม่ทางอินเทอร์เนตคือตัวอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ คุณ David และ Andrew Fung สมาชิกของ The Fung Brothers บอกว่า Boba หรือชาไข่มุกคือตัวแทนของชุมชนคนเอเชียในอเมริกาพอๆกับที่น้ำโคล่าเป็นตัวแทนของคนอเมริกันส่วนใหญ่ และว่าเวลานี้ทุกมหาวิทยาลัยในอเมริกาที่มีนักศึกษาเอเชียอยู่มากพอ ก็จะต้องมีร้านชาไข่มุกอย่างน้อยหนึ่งร้าน และนั่นทำให้ร้านขายชาไข่มุกกำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของสังคมวัยรุ่นอเมริกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐแคลิฟอร์เนียตอนใต้
ด้วยแรงนิยมที่กำลังเพิ่มขึ้น จึงทำให้ร้านชาไข่มุกในอเมริกากลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการผสมผสานวัฒนธรรมเอเชียและวัฒนธรรมตะวันตกของคนอเมริกันเชื้อสายเอเชียที่กำลังสร้างความภูมิใจในความเป็นเอเชียของตนภายใต้ Boba Generation
คุณ Tiffany Porter นักศึกษามหาวิทยาลัยในอเมริกาผู้นี้นิยมไปนั่งที่ร้านชาไข่มุกแห่งหนึ่งแถวมหาวิทยาลัยเป็นประจำ เธอบอกว่าที่นี่เธอได้เจอกับคนเอเชียมากมาย ทำให้รู้สึกสบายใจเหมือนอยู่บ้าน Tiffany รวมทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่เชื้อสายเอเชียอีกจำนวนมากที่มีรสนิยมคล้ายกัน คือส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่นักสังคมวิทยา Oliver Wang บอกว่าเป็นคนรุ่นชาไข่มุกหรือ “Boba Generation” ที่กำลังขยายตัวในอเมริกาพร้อมกับร้านชาไข่มุกที่ผุดขึ้นทั่วไป โดยคนรุ่นชาไข่มุกนี้อาจมีตั้งแต่วัยรุ่นตอนต้นไปจนถึงคนวัย 40 ต้นๆ
คุณ Oliver Wang อธิบายว่าชาไข่มุกหรือที่คนอเมริกันเรียกว่า Boba ซึ่งมีลักษณะเป็นแป้งมันสำมะหลังก้อนกลมๆใส่ในเครื่องดื่มประเภทหวานเย็นและชาเย็นต่างๆนั้น คือสัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมของคนเอเชียในอเมริกา โดยเฉพาะคนจีนและไต้หวัน
เมื่อก่อนนั้นเด็กเชื้อสายเอเชียมักถูกมองว่าเป็นเด็กเรียนเก่ง แต่กลับไม่ได้รับความสนใจในระดับสูงทั้งในโรงเรียน ชุมชนและสังคมโดยรวม แต่เด็กเอเชียรุ่นหลังๆ เติบโตขึ้นมาโดยเห็นคนเอเชียหน้าคล้ายๆกันอยู่ทั่วไป ทั้งในทีวี อินเทอร์เนตหรือในวงการต่างๆ จนไม่รู้สึกว่าตนเองแปลกแยกออกจากสังคมอเมริกันอีกต่อไป
เพลง Boba Life ของวง The Fung Brothers ซึ่งกลายเป็นปรากฎการณ์ใหม่ทางอินเทอร์เนตคือตัวอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ คุณ David และ Andrew Fung สมาชิกของ The Fung Brothers บอกว่า Boba หรือชาไข่มุกคือตัวแทนของชุมชนคนเอเชียในอเมริกาพอๆกับที่น้ำโคล่าเป็นตัวแทนของคนอเมริกันส่วนใหญ่ และว่าเวลานี้ทุกมหาวิทยาลัยในอเมริกาที่มีนักศึกษาเอเชียอยู่มากพอ ก็จะต้องมีร้านชาไข่มุกอย่างน้อยหนึ่งร้าน และนั่นทำให้ร้านขายชาไข่มุกกำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของสังคมวัยรุ่นอเมริกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐแคลิฟอร์เนียตอนใต้
ด้วยแรงนิยมที่กำลังเพิ่มขึ้น จึงทำให้ร้านชาไข่มุกในอเมริกากลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการผสมผสานวัฒนธรรมเอเชียและวัฒนธรรมตะวันตกของคนอเมริกันเชื้อสายเอเชียที่กำลังสร้างความภูมิใจในความเป็นเอเชียของตนภายใต้ Boba Generation
