บรรดารัฐมนตรีกลาโหมผู้มาร่วมการประชุมเกี่ยวกับความมั่นครั้งที่หนึ่งของสมาคมอาเซียน ณ กรุงฮานอย ซึ่งมีรัฐมนตรีกลาโหมอเมริกันและของจีนรวมอยู่ด้วยพุ่งความสนใจไปที่ประเด็นที่ต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างเช่นการป้องกันเสรีภาพการใช้เส้นทางทางทะเลเพื่อการพาณิชย์
ดร. สุริทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการสมาคมอาเซียนกล่าวตอนปิดการประชุมว่า ภูมิภาคนี้ทรงความสำคัญทางยุทธศาสตร์ สนับสนุนการค้าและการสื่อสารคมนาคมมากทีเดียว ดังนั้น การเปิดทางเดินเรืออย่างเสรี ปลอดภัยและมั่นคงจึงสำคัญมาก มีการยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาพูดจากัน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่า วัตถุประสงค์เหล่านั้นเป็นเรื่องที่ภูมิภาคควรพยายามทำให้บรรลุผลและควรธำรงรักษาเรื่องนั้นไว้
บรรดาผู้แทนตกลงจะเจรจาเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวและประเด็นอื่นๆกันต่อไปอย่างเช่นเรื่องการอ้างกรรมสิทธิ์แก่งแย่งหมู่เกาะต่างๆที่ไม่มีราษฎรอยู่อาศัยในทะเลจีนใต้ เมื่อเร็วๆนี้ จีนโดนหาว่าห้ามส่งแร่ที่ทรงความสำคัญอย่างยิ่งยวดไปจำหน่ายให้แก่ญี่ปุ่นหลังจากที่กองเรือพิทักษ์ฝั่งของญี่ปุ่นควบคุมเรือประมงจีนลำหนึ่งที่แล่นอยู่ในน่านน้ำที่จีนและญี่ปุ่นพิพาทกันอยู่ แต่จีนปฎิเสธว่ามิได้ทำแบบนั้น นอกจากนี้ จีนยังพิพาทขัดแย้งกับจีนใต้หวัน เวียดนาม ฟิลิปปินส์ บรูไนและมาเลเซียเกี่ยวกับหมู่เกาะสแปรตลีย์และหมู่เกาะพาราเซล เชื่อกันว่า บริเวณเหล่านี้มีน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติสำรองอยู่มากมายมหาศาล
สำหรับรัฐมนตรีกลาโหมอเริกัน โรเบิร์ต เกตส กล่าวว่า การพิพาทเกี่ยวกับดินแดนดูเหมือนจะท้าทายเสถียรภาพและความรุ่งเรืองไพบูลย์ของภูมิภาคมากขึ้นเรื่อยๆ และเขากล่าวซ้ำว่า สหรัฐไม่เข้าข้างใดในเรื่องดังกล่าว แต่บอกว่าควรมีการตกลงเพื่อให้ปัญหายุติโดยสันติ ไม่มีการใช้กำลังหรือการบังคับขู่เข็น และสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ
รัฐมนตรีกลาโหมจีน เหลียง กวงลี กล่าวว่า การเพียรพยายามปรับปรุงการทหารของจีนให้ทันสมัยก็เพื่อป้องกันจีนเองโดยแท้และไม่มีเจตนาจะคุกคามชาติใดๆ เขากล่าวเน้นว่า กุญแจที่จะนำไปสู่ความมั่นคงของภูมิภาคได้แก่การปฎิบัติตามหลักการว่าด้วยเรื่องอำนาจอธิปไตยและการไม่ก้าวก่ายกิจการของประเทศอื่น แต่เขาเองก็เห็นด้วยกับแนวคิดว่าด้วยการสร้างสรรค์กรอบงานอเนกภาคีเพื่อปรับปรุงความร่วมมือระหว่างกันให้ดีขึ้นและเพ่งไปที่ประเด็นที่ต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการสมาคมอาเซียนกล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการดำเนินงานขั้นแรกของกระบวนการดังกล่าว
ภาคีสมาคมอาเซียนสิบรายและประเทศในภูมิภาคอื่นอีกแปดรายยังเห็นพ้องกันด้วยว่า จะพัฒนาความร่วมมือด้านการทหารให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นเพื่อรับมือกับสภาพการณ์ที่เกิดภัยพิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ การปฎิบัติการรักษาสันติภาพและการเพียรพยายามต่อต้านการก่อการร้าย