ลิ้งค์เชื่อมต่อ

องค์การผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เผยแพร่รายงานแนวโน้มของโลกประจำปีพุทธศักราช 2552


องค์การผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เผยแพร่รายงานแนวโน้มของโลกประจำปีพุทธศักราช 2552 ซึ่งระบุว่า ผู้ลี้ภัยผู้เดินทางกลับบ้านเมื่อปีที่แล้ว มีจำนวนต่ำที่สุดในรอบยี่สิบปีในขณะที่พลโลกผู้ต้องพลัดพรากจากถิ่นฐานมีจำนวนมากเป็นสถิติ

ตามรายงานฉบับนั้น การสู้รบกันและการข่มเหงทำให้พลโลก ต้องพลัดพรากจากถิ่นฐานสี่สิบสามล้านกว่าคน ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่สูงกว่าช่วงใดๆ นับตั้งแต่กลางปีพุทธศักราช 2533เป็นต้นมา ผู้อำนวยการขององค์การ โวลเกอร์ ทูเอิร์ก กล่าวว่าเมื่อปีที่แล้ว ผู้ลี้ภัยที่เดินทางกลับบ้านมีจำนวนแค่สองแสนห้าหมื่นคน ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่น้อยที่สุดในรอบยี่สิบปี

คุณ โวลเกอร์ ทูเอิร์ก กล่าวไว้ตอนนี้ว่า “เรื่องนั้นบอกให้เราทราบว่าในหลายส่วนของโลก การสู้รบมีลักษณะที่ไม่เปิดช่องให้ผู้ลี้ภัยกลับบ้านได้อย่างภูมิฐาน และปลอดภัยอย่างที่เคยเป็นมา ทันทีที่สามารถสลายการขัดแย้งกันได้สำเร็จ ก็จะทำให้เราอยู่ในฐานะที่จะจัดแจงให้ผู้ลี้ภัยเดินทางกลับบ้านได้ดีขึ้น เรื่องข้างต้นนี้แสดงให้เราเห็นว่า เรากำลังล่วงเข้าสู่ช่วงที่สถานการณ์ด้านผู้ลี้ภัยจะยืดเยื้อนานกว่าแต่ก่อน”

รายงานระบุว่า ยอดรวมเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยยังคงอยู่ที่ระดับสิบห้าล้านสองแสนคน

ในจำนวนนั้นรวมถึงผู้ลี้ภัยชาวอัฟกานิสถานเกือบสามล้านคน ผู้ลี้ภัยชาวอิรัคหนึ่งล้านแปดแสนคน และผู้ลี้ภัยชาวโซมาเลียหกแสนแปดหมื่นคน ยอดรวมเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยดังกล่าวยังรวมถึงผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์อีกสี่ล้านแปดแสนคน ซึ่งทางสำนักงานบรรเทาทุกข์และการจ้างงานแห่งสหประชาชาติเป็นผู้ดูแล

คุณ โวลเกอร์ ทูเอิร์ก กล่าวว่าประเทศเพื่อนบ้านเป็นผู้ดูแลผู้ลี้ภัย และว่าเมื่อดูจากสถิติแล้ว เรื่องที่รู้สึกกันว่าผู้ลี้ภัยจากแอฟริกา เอเชียหรือจากที่อื่นๆ หลั่งไหลไปสู่ประเทศตะวันตกที่อุตสาหกรรมเจริญแล้วนั้นขัดกับข้อเท็จจริง

เขากล่าวไว้ตอนนี้ว่า “ ประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลกดูแลผู้ลี้ภัยทุกๆ สี่ในห้าคน ซึ่งเป็นเรื่องจริง ดังนั้น ปัญหาเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยร้อยละแปดสิบอยู่ทางใต้ ผมคิดว่าข้อเท็จจริงที่ว่านี้เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการถกเถียงกันที่เราพบเห็นอยู่บ่อยๆ ในโลกอุตสาหกรรมที่เจริญแล้วซึ่งเป็นที่ๆมีความวิตกกังวลกันเกี่ยวกับเรื่องการที่ผู้ลี้ภัยหลั่งไหลเข้าไป”

คุณ โวลเกอร์ ทูเอิร์ก กล่าวด้วยว่า แนวโน้มเกี่ยวการไม่ชอบคนต่างชาตินี้เกิดจากความกลัว ไม่ใช่เกิดจากความเป็นจริง ตามสถิติ ผู้ลี้ภัยในโลกอุตสาหกรรมที่เจริญแล้ว มีจำนวนลดลงไปราวๆ เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ในช่วงห้าสิบปีที่ผ่านมา

รายงานฉบับนั้นระบุว่า จำนวนผู้ที่ต้องพลัดพรากจากถิ่นฐานภายในประเทศของตนนั้น เพิ่มขึ้นอีกสี่เปอร์เซ็นต์และมีจำนวนยี่สิบเจ็ดล้านกว่าคน ตอนสิ้นปีพุทธศักราช 2552 การสู้รบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ปากีสถานและโซมาเลียทำให้ประชาชนหลายแสนคนต้องทิ้งบ้านช่องไปและข้อที่ว่านี้ เป็นตัวการที่ทำให้จำนวนผู้ลี้ภัยเขยิบสูงขึ้นนั่นเอง

รายงานระบุด้วยว่าเมื่อปีที่แล้ว สิบเก้าประเทศอนุมัติให้ผู้ลี้ภัยจำนวนหนึ่งแสนสองหมื่นห้าพันคน เข้ามาตั้งหลักแหล่งในประเทศได้

XS
SM
MD
LG