ที่กรุงวอชิงตัน ในวันที่ 26-27 เมษายนนี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เป็นเจ้าภาพการประชุมบรรดาผู้ประกอบการ นักลงทุน นักการธนาคาร และนักวิชาการ มากกว่า 250 คนจาก 50 ประเทศ เพิ่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐกับโลกอิสลาม
การประชุมสองวันที่เริ่มในวันจันทร์ เป็นการทำตามคำมั่นสัญญาที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาให้ไว้ ในการปราศรัยที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ที่ว่าจะเริ่มสัมพันธภาพใหม่ระหว่างสหรัฐกับโลกอิสลาม
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าวว่า การประชุมนี้ จะมีความหลากหลายทางศาสนา ไม่ใช่ว่าประเทศที่ร่วมการประชุม จะมีประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมไปเสียทั้งหมด
การประชุมกลุ่มย่อยจะพิจารณาเรื่องต่างๆ ตั้งแต่วิธีเข้าถึงเงินทุน นวัตกรรม เทคโนโลจี การฝึกหัดเยาวชนในการทำงานธุรกิจ การส่งเสริมการประกอบการของเยาวชน ไปจนถึงการเสริมสร้างความเข้มแข็ง ของสถานภาพสตรีในการทำธุรกิจ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพานิชย์สหรัฐ Gary Locke กล่าวในการเปิดประชุมว่า การส่งเสริมธุรกิจมุสลิมนั้น ไม่ใช่ว่าจะช่วยเฉพาะโลกอิสลามเท่านั้น แต่จะส่งเสริมความมั่นคง และการค้าของสหรัฐด้วย เขากล่าวว่า การประชุมนี้เน้นคำมั่นสัญญาของประธานาธิบดีสหรัฐ ในอันที่จะดำเนินการให้มีการทำงานร่วมกัน ในขอบเขตกว้างขวางมากขึ้น โดยมีความเคารพซึ่งกันและกัน มีผลประโยชน์ และความรับผิดชอบร่วมกัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพานิชย์สหรัฐ กล่าวว่า ประชาชนมากกว่า 1,000 ล้านคนที่อยู่ในประเทศมุสลิม เป็นทรัพยากรที่มีศักยภาพสูง แต่ยังมีการนำออกมาใช้ประโยชน์เป็นส่วนน้อยในเศรษฐกิจโลก แต่ความร่วมมือกันอย่างทั่วถึง จะรวมสหรัฐกับประเทศที่มีประชาชนส่วนใหญ่ เป็นชาวมุสลิมในการทำงานร่วมกันอย่างมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน
การประชุมสองวันนี้ ทำให้บรรดานักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่อายุน้อย เจ้าหน้าที่รัฐบาล นายธนาคาร และผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ ได้มาแลกเปลี่ยนทัศนะ และประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
