เงินกับการเลือกตั้ง
ฤดูการเลือกตั้งเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในอเมริกาในวันที่ 19 มกราคม ที่รัฐไอโอว่า เมื่อสมาชิกพรรคเดโมแครททั่วทั้งรัฐจัดการประชุมในระดับท้องถิ่น เพื่อเลือกตัวผู้ที่พรรคจะส่งเข้าช่วงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ สำหรับพรรครีพับลิกันนั้น ไม่มีปัญหาเพราะประธานาธิบดีจอร์ช ดับเบิลยู บุชต้องการจะอยู่ต่อเป็นเทอมที่สอง แต่พรรคเดโมแครทนั้น มีสมาชิกพรรค 8 คนที่กำลังหาเสียงเพื่อจะได้เป็นผู้แทนพรรคเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ผลปรากฏออกมาแล้วว่า วุฒิสมาชิกจอห์น เครี่ สังกัดพรรคเดโมแครทจากรัฐแมสสาชูเสทชนะที่ไอโอว่า และวุฒิสมาชิกจอห์น เอ็ดเวิร์ดส จากรัฐนอร์ธ แคโรไลน่าตามติดมาเป็นที่สอง ส่วนอดีตผู้ว่าการรัฐเวอร์ม๊อนท์ นายแพทย์เฮาเวิร์ด ดีน ซึ่งหาเงินบริจาคในการหาเสียงเลือกตั้งได้มากกว่าใครเพื่อนในหมู่สมาชิกพรรคเดโมแครทด้วยกัน ได้ที่สามห่างๆ ยังจะต้องรณรงค์กันในรัฐอื่นๆต่อไปอีกหลายเดือน กว่าจะรู้ว่าใครจะได้เป็นตัวแทนของพรรคในที่สุด
เงินที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีในอเมริกามาจากสามแหล่งใหญ่ๆ ผู้สมัครใช้เงินของตนเอง ซึ่งไม่มีการจำกัดจำนวน มีผู้บริจาคเงินให้ ทั้งที่เป็นบุคคลและธุรกิจหรือองค์กร ซึ่งกฎหมายการเลือกตั้งจำกัดจำนวนในการบริจาค และแหล่งที่สามคือเงินสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งกฎหมายจำกัดการใช้จ่าย จุดอ่อนของกฎหมายการเลือกตั้งคือส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบริจาคจากบุคคลและธุรกิจ ซึ่งมักจะไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ และทำให้เกิดเรื่องอื้อฉาวได้บ่อยๆ
สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในปีนี้ ประธานาธิบดีบุชหาเงินสำหรับใช้ในการเลือกตั้งได้มากกว่า 130 ล้านดอลล่าร์แล้ว ทำลายสถิติ 100 ล้านดอลล่าร์ที่ประธานาธิบดีบุชเองทำไว้ในการเลือกตั้งเมื่อปี ค.ศ. 2000 ทางฝ่ายพรรคเดโมแครทนั้น นายเฮาเวิร์ด ดีน อดีตผู้ว่าการรัฐเวอร์ม๊อนท์หาเงินได้แล้วมากกว่า 40 ล้านดอลล่าร์ ซึ่งนับว่าเป็นสถิติสำหรับพรรคเดโมแครท
คำถามที่จะถามได้ตรงนี้ ก็คือ เงินนั้นสำคัญไฉน? สตีฟ ไวส์ ของศูนย์วิเคราะห์การเมือง Center for Responsive Politics ซึ่งติดตามการหาเงินและการใช้จ่ายเงินในวงการการเมืองอเมริกัน และผลกระทบต่อการเลือกตั้ง ให้ความเห็นว่า โดยทั่วไปแล้ว ผู้สมัครที่ใช้จ่ายเงินมากกว่าคู่แข่ง มักจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง และว่า แม้จะใช้เงินซื้อการเลือกตั้งไม่ได้ก็จริงอยู่ แต่เงินก็ช่วยสร้างฐานะทางการเมืองของผู้สมัครให้แข็งแกร่งมากขึ้นได้
ถ้าจะดูประวัติศาสตร์การเลือกตั้งในอเมริกาแล้ว พรรครีพับลิกันหาเงินได้มากกว่าพรรคเดโมแครทมาเสมอ แต่โจ แซนด์เล่อร์ อดีตที่ปรึกษากฎหมายของพรรคเดโมแครท บอกว่าแม้จะมีเงินน้อยกว่า แต่ผู้แทนของพรรคก็ชนะการเลือกตั้งได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายๆ คือชัยชนะของประธานาธิบดี บิล คลินตั้นในปี ค.ศ. 1992 และ 1996 ที่สำคัญก็คือ จะต้องหาเงินให้พอที่จะแข่งขันได้ แต่ไม่จำเป็นต้องหาให้เท่ากับที่คู่แข่งมี
สตีฟ ไวส์ให้ความเห็นส่งท้ายว่า นอกจากจะสนใจว่าผู้สมัครคนไหนหาเงินได้มากกว่าใครเพื่อนแล้ว ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งควรเอาใจใส่ด้วยว่า บุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดเป็นผู้บริจาคเงินเพื่อหวังจะสร้างอิทธิพลโน้มน้าวผู้สมัครบ้าง
นิตยา มาพึ่งพงศ์
VOA ภาคภาษาไทย วอชิงตัน