ขณะนี้บางเมืองในบางประเทศ กำลังใช้นโยบายประหยัดงบประมาณ ด้วยการนำรถไฟเก่าๆ มาตบแต่งใหม่แล้วหมุนเวียนกลับมาใช้อีกครั้ง การรีไซเคิลรถไฟจะทำได้อย่างไ รและได้ผลแค่ไหน ผู้สื่อข่าว Joyce Kryszak มีรายละเอียดเรื่องนี้
ที่เมือง Hornell เมืองเล็กๆ ในรัฐ New York ไม่ไกลจากเมืองบัฟฟาโล่ มีรางรถไฟเก่ามากมายถูกทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งาน เป็นเวลากว่า 150 ปีมาแล้วที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่ซ่อมแซมรถไฟ แต่เมื่อไม่นานมานี้ เริ่มมีการนำตู้รถไฟเก่าๆ ที่ไม่ได้ใช้งานมานานหลายสิบปีกลับมาตกแต่งใหม่เพื่อนำมาใช้งานอีกครั้ง
คุณ Mike Bykowski ผอ.ฝ่ายวิศวกรรมของหน่วยบริหารด้านการคมนาคม พรมแดนไนแองการ่าในเมืองบัฟฟาโล่ ผู้ควบคุมโครงการปรับปรุงตู้รถไฟ 27 ตู้ กล่าวว่าหลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมา 25 ปี ตู้รถไฟเหล่านั้นเริ่มมีรอยผุกร่อนและสนิมจับ
คุณ Bykowski บอกว่าเมื่อมีการรื้อตัวถังรถไฟเก่าออก ได้เสริมเหล็กแบบที่ไม่ขึ้นสนิมเข้าไปแทนบางส่วนเพื่อป้องกันการสึกกร่อน นอกจากนี้ตู้รถไฟบางตู้ยังได้รับการเปลี่ยนหน้าต่าง เบาะที่นั่ง และติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องเสียงเสียใหม่
อย่างไรก็ตาม สำหรับชิ้นส่วนที่ถูกหมุนเวียนนำกลับไปใช้ใหม่นั้น มีอยู่หลายส่วนด้วยกัน คุณ Bykowski กล่าวว่า เหล็ก สายไฟต่างๆ และทองแดง ถูกนำกลับไปใช้ใหม่รวมทั้งชิ้นส่วนขนาดใหญ่อื่นๆ เช่น ตู้บรรทุกสินค้า เครื่องยนต์และล้อรถไฟซึ่งถูกถอดมาซ่อมแซมพร้อมขัดสีฉวีวรรณ แล้วติดกลับเข้าไปใหม่
เป้าหมายในการนำตู้รถไฟเก่าๆ กลับมาใช้ใหม่นี้ เจ้าหน้าที่เมืองบัฟฟาโล่เผยว่า เรื่องสิ่งแวดล้อมไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่เป็นเพราะภาครัฐต้องการประหยัดงบประมาณมากกว่า โดยการรีไซเคิลรถไฟเก่านี้มีค่าใช้จ่ายราว 1 ล้านดอลล่าร์ต่อคัน ถูกกว่าการซื้อตู้รถไฟใหม่ถึง 3 เท่า
ถึงกระนั้นก็ดี ไม่ใช่ทุกเมืองที่ใช้นโยบายประหยัดงบประมาณด้วยวิธีดังกล่าว เพราะไม่นานมานี้ บางเมืองในสหรัฐที่เพิ่งได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลาง เพื่อปรับปรุงระบบรางรถไฟ เช่น กรุงวอชิงตัน ซานฟรานซิสโกและไมอามี่ ได้เริ่มโครงการจัดซื้อรถไฟชุดใหม่บ้างแล้ว ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกรวดเร็วกว่าการรีไซเคิล คุณ Larry Meckler หัวหน้าฝ่ายการคมนาคมของเมืองบัฟฟาโล่ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หากเมืองไหนที่มีศักยภาพสามารถจัดซื้อรถไฟใหม่ได้ ก็ควรทำเช่นนั้น
คุณ
Meckler ระบุว่า กระบวนการรีไซเคิลรถไฟเก่านั้น
แม้จะประหยัดงบประมาณได้แต่ก็ต้องใช้ความพยายามมาก ต้องทำงานกันหนักขึ้น
เช่นโครงการที่เมืองบัฟฟาโล่ทำอยู่นี้ต้องใช้เวลาถึง 3 ปีเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม
ความอุตสาหะและความประหยัดดังกล่าว เริ่มแสดงผลออกมาแล้ว
เมื่อรัฐบาลท้องถิ่นเมืองบัฟฟาโล่ แจ้งว่าสามารถประหยัดเงินภาษีประชาชนได้จำนวนมาก
ในขณะที่รถไฟรีไซเคิลก็สามารถทำงานได้ดีเหมือนรถไฟใหม่ทุกประการ
ที่สำคัญบรรดาเจ้าหน้าที่เมืองบัฟฟาโล่ที่ตัดสินใจใช้วิธีรีไซเคิลรถไฟเก่านี้
ก็ดูเหมือนจะเดินยืดอกอวดความภาคภูมิใจได้อย่างเต็มที่อีกด้วย