การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโครงการใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเกิดขึ้นแล้วในสหรัฐ เมื่อฝ่ายวางผังเมืองกำลังมองหาสถานที่ก่อสร้างสถานีจ่ายไฟ 11,000 แห่งในเมืองใหญ่ๆ 11 เมือง เพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกจาก Nissan และ General Motors ซึ่งคาดว่าจะออกสู่ตลาดในช่วงปลายปีนี้
เมื่อปีที่แล้ว กระทรวงพลังงานสหรัฐให้เงินทุน 100 ล้านดอลล่าร์แก่ eTec บริษัทวิจัยและพัฒนาระบบขนส่งพลังงานไฟฟ้า เพื่อให้สร้างเครือข่ายสถานีจ่ายไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในรัฐต่างๆ 5 รัฐ รวมทั้งสถานีจ่ายไฟมากกว่า 2 พันแห่งในรัฐวอชิงตัน และอีก 2 พันแห่งในรัฐโอเรกอน โดยขณะนี้การก่อสร้างเริ่มขึ้นแล้ว
คุณ Rich Feldman ผู้จัดการส่วนภูมิภาคของ eTec บอกว่า โครงการนี้ช่วยประหยัดการใช้น้ำมัน เพิ่มการจ้างงาน ทำให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ๆ และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจควบคู่ไปด้วย โดยจะมีแหล่งซื้อสินค้า ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์และสถานที่อื่นๆเกิดขึ้นบริเวณสถานีจ่ายไฟ เพื่อให้เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าได้ใช้เวลาว่างประมาณ 1-2 ชั่วโมงระหว่างรอเติมไฟให้เต็มแบตเตอรรี่
บริษัท eTec ผู้ก่อสร้างสถานีดังกล่าว ร่วมมือกับบริษัทรถยนต์นิสสัน เพื่อศึกษาข้อมูลของผู้ขับขี่รถยนต์มาใช้ ในการพัฒนาเครือข่ายสถานีจ่ายไฟ คาดว่าในช่วงปลายปีนี้ รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์รุ่นแรกๆ ได้แก่ Leaf ของนิสสันและ Chevy Volt ของ General Motors จะออกวางขายตามตัวแทนจำหน่ายทั่วอเมริกา คุณ Mark Perry ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ของนิสสัน สาขาอเมริกาเหนือ ระบุว่า ด้วยเครือข่ายสถานีจ่ายไฟหลายพันแห่ง จะช่วยให้ความกังวลของลูกค้าเรื่องที่ว่าจะเติมไฟสำหรับแบตเตอรี่รถยนต์ได้ที่ไหนอย่างไรนั้น หมดไป
สำหรับราคาของนิสสัน Leaf นั้น ทางบริษัทจะประกาศในเร็ววันนี้ โดยรถยนต์ไฟฟ้า Leaf แบบ 4 ประตูสามารถวิ่งได้ระยะทาง 160 กิโลเมตรต่อการเติมไฟ 1 ครั้ง
อีกด้านหนึ่ง ที่เดนมาร์กก็กำลังมีการสนับสนุนให้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน บริษัท Better Place จากสหรัฐกำลังทำงานร่วมกับบริษัทสาธารณูปโภครายใหญ่ที่สุดของเดนมาร์ก เพื่อสร้างเครือข่ายสถานีจ่ายไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในเดนมาร์ก คุณ
Anders Eldrup ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ของบริษัทดังกล่าวบอกว่าสถานีที่กำลังจะสร้างนี้จะให้บริการแบบใหม่ เรียกว่าสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่
คุณ Eldrup กล่าวว่า หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน เจ้าของรถจะสามารถนำแบตเตอรี่เก่ามาเปลี่ยนก้อนใหม่ที่ไฟเต็มได้ทันที โดยเสียเวลาเพียงแค่ 3-4 นาที เร็วกว่าการรอเติมน้ำมันรถเสียอีก โดยเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าในเดนมาร์กที่ต้องการใช้บริการนี้ต้องเสียค่าสมาชิกรายเดือน หรือเสียค่าใช้จ่ายตามระยะทางที่รถวิ่ง แต่ทั้งนี้ บริการเปลี่ยนแบตเตอรี่ดังกล่าว จะได้รับความนิยมแค่ไหนนั้น ยังเป็นคำถามที่รอคำตอบอยู่ อย่างไรก็ตาม คุณ Valerie Karplus แห่งสถาบันเทคโนโลยีรัฐแมสซาชูเสตต์ ชี้ว่า ตลาดรถยนต์นั้นเป็นตลาดใหญ่พอที่จะรองรับช่องทางการตลาดที่หลากหลายได้
นักวิจัยผู้นี้เชื่อว่าเจ้าของรถ อาจต้องใช้เวลาสักพักในการปรับตัวกับสถานีรับเปลี่ยนแบตเตอรี่ หากเทียบกับสถานีน้ำมัน และการเติมไฟรถยนต์อยู่ที่บ้าน
ครับ นอกจากสถานีเติมไฟเหล่านี้แล้ว ปัจจุบันทั้งที่สหรัฐและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ต่างสนับสนุนให้มีมาตรการลดภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งข้อเสนอจูงใจอื่นๆ ตลอดจนการกำหนดที่จอดฟรี และช่องทางพิเศษสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ผู้บริโภคหันมาใช้รถยนต์ที่ว่ากันว่า ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมนี้มากขึ้น
