ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ปธน.บารัค โอบามา กำลังเพียรพยายาม ฟื้นฟูความสัมพันธ์ กับฝ่ายพรรครีพับลิกันใหม่


ขณะที่การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ของนายบารัค โอบามาล่วงเข้าสู่ปีที่สองแล้ว ท่านประธานาธิบดีกำลังใช้ความเพียรพยายาม ที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ กับฝ่ายพรรครีพับลิกันใหม่

ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า ปีนี้เป็นปีที่จะมีการเลือกตั้งสมาชิกของทั้งสองสภา ที่เรียกว่าการเลือกตั้งกลางสมัยนั้น

หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อปีพุทธศักราช 2551 ผ่านพ้นไป ประธานาธิบดีบารัค โอบามาให้สัญญาว่า จะพยายามเปลี่ยนแนวโน้ม ที่มีการถือพรรคการเมืองที่ตัวสังกัดเป็นใหญ่ในกรุงวอชิงตัน หลังจากดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาครบหนึ่งปี ซึ่งเป็นปีที่มีการแบ่งขั้วทางการเมืองมาโดยตลอด ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแสดงการท้าทายครั้งใหม่ เมื่อตอนที่ท่านแถลงแสดงภาวะสหรัฐว่า ให้พรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองพรรค คือเดโมแครตและรีพับลิกันร่วมงานกัน โดยเฉพาะอย่างฝ่ายรีพับลิกันที่คัดค้านมาตลอด

ท่านประธานาธิบดีกล่าวไว้ตอนนี้ว่า "การออกเสียงคัดค้าน ในทุกสิ่งทุกเรื่อง อาจได้ผลดีทางการเมืองในระยะสั้น แต่นั่นไม่ใช่ลักษณะของผู้นำ ประชาชน เลือกเราให้เข้ามาทำหน้าที่รับใช้พวกเขา ไม่ใช่เพื่อให้มาสนองความทะเยอทะยานของเรา"

อีกไม่กี่วันต่อมา ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ดำเนินการที่นับว่าผิดปรกติวิสัยคือ ตอบคำถามของส.ส.อเมริกัน แห่งพรรครีพับลิกันผู้ร้องอุทธรณ์ว่า บรรดาผู้นำของพรรคเดโมแครตในรัฐสภา บอกปัดแนวความคิดและข้อเสนอต่างๆ ของพวกเขาอยู่เป็นปรกติประจำ

ผลของการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนหลายครั้ง แสดงว่าชาวอเมริกันส่วนมาก อยากจะเห็นพรรคเดโมแครต และพรรครีพับลิกันในกรุงวอชิงตันร่วมมือกันให้มากกว่านี้ แต่การหาพื้นฐานที่ทั้งสองพรรค มีความเห็นพ้องกันเป็นเรื่องยาก

ส.ส.อเมริกันจอห์น โบเนอร์ ผู้นำฝ่ายรีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวทางรายการ "พบกับสื่อมวลชน" ของข่ายงานโทรทัศน์เอ็นบีซีไว้ตอนนี้ว่า "ฝ่ายรีพับลิกัน มีข้อผูกพันที่จะต้องยึดหลักการของพรรค และต่อสู้กับข้อเสนอเหล่านั้น แต่เวลาเดียวกัน เราต้องเสนอทางแก้ปัญหาที่ดีกว่า"

ลักษณะของการเมืองที่มีการแบ่งพรรค แบ่งพวกของสหรัฐนี้วิวัฒน์มาหลายสิบปีแล้ว แต่ดูเหมือนจะเห็นได้เด่นชัด ในช่วงทศวรรษที่นับจากปีพุทธศักราช 2533 อันเป็นช่วงที่พรรครีพับลิกัน คุมเสียงในรัฐสภาในสมัยที่ประธานาธิบดีบิล คลินตันดำรงตำแหน่งเป็นปีที่สอง

ดูท่าว่าพรรครีพับลิกัน จะได้ที่นั่งในรัฐสภาเพิ่มขึ้น ในการเลือกตั้งกลางสมัยในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ นักประวัติศาสตร์ แอลแลน ลิคแม่นกล่าวว่า ฝ่ายรีพับลิกันจำนวนมาก ไม่ค่อยมีอารมณ์ที่จะร่วมมือกับทางทำเนียบขาว ก็เพราะเหตุผลที่ว่านี้

คุณแอลแลน ลิคแม่นกล่าวไว้ตอนนี้ว่า "ยุทธศาสตร์ที่ฝ่ายรีพับลิกันยึดถือในทุกวันนี้ ก็คือพรรคจะกลับคืนสู่อำนาจ โดยการทำให้ประธานาธิบดีอเมริกัน พ่ายแพ้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ด้วยการที่นายสกอต บราวน์ได้ชัยชะนะที่รัฐแมซซาชูเซตส์ ฝ่ายรีพับลิกันที่ช่วงชิงที่นั่ง ในวุฒิสภาที่เคยเป็นของส.ว.เท็ด เคนเนดี้ หัวเสรีนิยมมาได้อย่างน่าตื่นตะลึงนี้ ทำให้ฝ่ายรีพับลิกันเชื่อมั่นว่า ยุทธศาสตร์ของพรรคคือการคัดค้านดะ ไม่ว่าประธานาธิบดีโอบามาจะทำอะไรนั้นกำลังได้ผล" แม้ว่าท่านประธานาธิบดี จะแสดงความต้องการผูกไมตรีกับฝ่ายตรงข้ามเสียด้วยซ้ำไป แต่ท่านก็คำนึงถึงด้วยว่า ฝ่ายเดโมแครตหัวเสรีนิยม ซึ่งเป็นฐานเสียงของท่านนั้น ก็ต้องการการทำให้พวกเขาเกิดความมั่นใจใหม่เช่นกัน อันที่จริงแล้ว ฝ่าย

เดโมแครตหัวเสรีนิยมหลายต่อหลายคน เชื่อว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามายอมโอนอ่อนผ่อนปรน ให้ฝ่ายเดโมแครตหัวอนุรักษ์นิยม และฝ่ายรีพับลิกันผู้ถือแนวสายกลางมากเกินไปแล้ว

คุณเดวิด แซงเกอร์ หัวหน้าสำนักงานผู้สื่อข่าวประจำกรุงวอชิงตัน ของหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์กล่าวไว้ตอนนี้ว่า "ผมคิดว่าปัญหาใหญ่ที่สุด ระหว่างการดำรงตำแหน่งปีแรก ของท่านประธานาธิบดี ก็คือท่านตั้งความหวังไว้สูงมาก แต่ปัญหากลับยุ่งยากยิ่งกว่านั้นอีก และผมคิดว่าผู้ที่สนับสนุนท่านอย่างมั่นคง รู้สึกผิดหวังที่ท่านดูเหมือนจะเปลี่ยนจุดยืน ไปอยู่ตรงกลางมากขึ้นเรื่อยๆ ในลักษณะที่สมเหตุสมผลมากทีเดียว เพื่อขบแก้ปัญหาเหล่านั้น แทนที่จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลง อย่างที่ผมคิดว่าพวกเขาคาดหวังไว้"

ส่วนนักประวัติศาสตร์แอลแลน ลิคแม่นคิดว่า ฝ่ายรีพับลิกันมีทางเลือกสองทางคือ ทำงานร่วมกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา หรือไม่ก็คอยคัดค้านตลอดศก และว่าถ้ายังทำตัวคอยคัดค้านตลอดศกต่อไป เราก็จะได้เห็นว่าในขณะที่ การรณงค์หาเสียงดำเนินไป ท่านประธานาธิบดีจะท้าทายพรรครีพับลิกันโดยหาว่า เป็นพรรคที่คอยประวิงหน่วงเหนี่ยว และคอยแต่ขวัดขวาง เมื่อมองดูการเลือกตั้งกลางสมัยที่จะมีขึ้นในปีนี้ พรรครีพับลิกันดูท่าทีหึกเหิมในขณะนี้ เนื่องจากมีการที่คอยคัดค้าน แผนการปฎิรูปการบริบาลรักษาสุขภาพ ของท่านประธานาธิบดี และการที่พวกรากหญ้าหัวอนุรักษ์นิยม โกรธแค้นเรื่องการจับจ่ายเงินของรัฐบาล และการขาดดุลย์ของงบประมาณเป็นแรงสนับสนุน ฝ่ายรีพับลิกันเคยสูญเสียที่นั่งในรัฐสภา ในการเลือกตั้งมาแล้วสองครั้ง คือเมื่อปีพุทธศักราช 2551 และปีพุทธศักราช 2549



XS
SM
MD
LG