ในช่วงปี 2552 ที่ผ่านมามีสินค้าของจีนหลายชนิด ซึ่งมีปัญหาปนเปื้อนสารพิษ เช่นของเล่นเด็ก นมผง และอาหารสัตว์ กระทรวงพาณิชย์ของจีน จึงร่วมมือกับกลุ่มอุตสาหกรรมในประเทศ จัดทำโฆษณาทางโทรทัศน์ความยาว 30 วินาที เพื่อแก้ภาพลักษณ์ของสินค้าจีนในต่างประเทศ
โดยการโฆษณาดังกล่าวมีเนื้อสาส์นว่า "Made in China, Made with the World" ซึ่งหมายถึงสินค้า ที่ทำในประเทศเป็นความร่วมมือกับต่างประเทศ แต่ถึงแม้ว่าที่ปรึกษาด้านสื่อระหว่างประเทศ อย่างเช่นนาย Tapio Christiansen จะมองว่าจีนสามารถทำได้ดีพอสมควร ในการปรับปรุงภาพลักษณ์เกี่ยวกับสินค้าของตนก็ตาม แต่อาจารย์ Johny Johansson ผู้สอนวิชาธุรกิจที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ในกรุงวอชิงตันกลับมองว่าโฆษณา "Made in China, Made with the World" ชิ้นนี้ เป็นในทางปกป้องตนเอง และแก้ต่างว่าการตำหนิคุณภาพสินค้าของจีน ก็หมายถึงการตำหนิบริษัทต่างประเทศอื่นๆ ที่ร่วมลงทุนกับจีนด้วยเช่นกัน
อาจารย์ Johny Johansson ชี้ด้วยว่า จีนเร่งรัดการพัฒนาอุตสาหกรรมของตนเร็วเกินไป ในขณะที่ความสามารถด้านต่างๆ และการบริหารจัดการเพื่อผลิตสินค้าคุณภาพนั้น ยังไม่พร้อม และว่าเมื่อเทียบกับญี่ปุ่นแล้ว ญี่ปุ่นพัฒนาอุตสาหกรรมขึ้นด้วยความอดทน และใช้เวลา ในขณะที่จีนพยายามก้าวกระโดดในเรื่องนี้ ส่วนนาย Tapio Christiansen ก็มีความเห็นว่าขั้นต่อไป จีนควรจะแปรเปลี่ยนตนเอง จากการเป็นแหล่งผลิตสินค้าราคาถูก ให้เป็นแหล่งนวัตกรรมใหม่ เพื่อสร้างแบรนด์ของตนเองขึ้นมา
