ลิ้งค์เชื่อมต่อ

รำลึกความหลัง เหตุการณ์คลื่อนยักษ์สึนามิเข้าถล่มประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก เมื่อ 5 ปีที่แล้ว


นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่มประเทศแถบเอเชียแปซิฟิกเมื่อ 5 ปีที่แล้ว องค์กรความช่วยเหลือต่างๆ ระบุว่า หลายพื้นที่ได้ฟื้นตัวจาก มหันตภัยดังกล่าว และระบบเตือนภัยล่วงหน้าก็ได้รับการติดตั้งเสร็จสมบูรณ์แล้ว

อย่างไรก็ตาม สหพันธ์สภากาชาด และสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ เตือนไม่ให้ประชาชนชะล่าใจและควรเตรียมความพยายามรับมือ กับการเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ให้มากขึ้น

5 ปีก่อน เกิดเหตุภัยธรรมชาติ ที่ถือได้ว่าสร้างความสูญเสียมากที่สุดครั้งหนึ่ง ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เมื่อแผ่นดินไหวครั้งใหญ่นอกชายฝั่งเกาะสุมาตรา ได้ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิถาโถมใส่เขตชายฝั่งหลายประเทศบริเวณมหาสมุทรอินเดีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 250,000 คน ไร้ที่อยู่อาศัยอีกนับล้านคน แต่ภัยธรรมชาติครั้งนั้น ก็ได้แสดงให้เห็นถึงน้ำใจมหาศาลของผู้คนทั่วโลก ที่แสดงออกมาในรูปของความช่วยเหลือต่างๆ

คุณอัล ปานิโซ่ ประธานสหพันธ์กาชาดระหว่างประเทศ ฝ่ายสึนามิ กล่าวต่อวีโอเอทางโทรศัพท์ว่า ในครั้งนั้นสหพันธ์กาชาด ได้รับเงินช่วยเหลือจากทั่วโลกมูลค่าเกือบ 3 พันล้านดอลล่าร์ โดย 70% เป็นเงินบริจาคจากประชาชนทั่วไป

คุณปานิโซ่บอกว่า ได้นำเงินจำนวนนั้น มาใช้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน 14 ประเทศทั่วแถบมหาสมุทรอินเดีย ช่วยสร้างบ้านไป 51,000 หลัง โรงพยาบาลและคลีนิค 289 แห่ง รวมทั้งที่หลบภัยชั่วคราวในอินโดนีเซียอีกราว 2 หมื่นหลัง ซึ่งเขาบอกว่า เป็นงานหนักที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ผู้บริหารสหพันธ์กาชาดผู้นี้ระบุว่า เวลานี้ ตามชุมชนต่างๆ ใน 4 ประเทศที่ประสบภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิมากที่สุด ได้แก่ อินโดนีเซีย ศรีลังกา มัลดีฟส์และประเทศไทยนั้น เกือบทุกอย่างได้กลับสู่ภาวะปกติแล้ว ปัจจุบันผู้ประสบภัยมีที่พัก และชุมชนที่ปลอดภัยกว่าเดิม และส่วนใหญ่กลับไปทำมาหากินตามปกติ

อย่างไรก็ตาม คุณปานิโซ่บอกว่า คงจะพูดว่าทุกอย่างกลับสู่ปกติได้ไม่เต็มปากนัก เพราะอย่างน้อยผู้คนที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ไปอย่างไม่มีวันกลับนั้น ชีวิตคงจะกลับไปเหมือนเดิมไม่ได้อย่างแน่นอน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหพันธ์กาชาดผู้นี้ยังบอกด้วยว่า ต้องใช้เวลาอีกราว 6-12 เดือน เพื่อทำงานสร้างที่พักให้แก่ผู้ประสบภัยจนเสร็จสิ้น โดยขณะนี้ ยังมีบ้านและและโรงพยาบาลอีกจำนวนมากรอการบูรณะซ่อมแซมรวมทั้งสร้างขึ้นใหม่ โดยเฉพาะที่จังหวัดอะเจะห์ในอินโดนีเซีย ที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากสึนามิมากที่สุดนั้น ตามเขตรอบนอกของตัวเมือง ผู้ประสบภัยหลายร้อยครอบครัวยังคงอาศัยอยู่ในที่พักชั่วคราวมาเป็นเวลาหลายปี เช่นคุณอานี ผู้ประสบภัยที่อาศัยอยู่ในห้องชั่วคราวเล็กๆกับสามี และลูก 4 คนมาเกือบ 5 ปีแล้ว เธอเล่าว่า บ้านเดิมของเธอนั้นถูกคลื่นยักษ์ทำลายไป

และที่ศรีลังกา เมื่อสงครามภายในของศรีลังกาได้ยุติลงแล้วนั้น ส่งผลให้บรรดาเจ้าหน้าที่ขององค์กรความช่วยเหลือต่างๆ สามารถส่งความช่วยเหลือ เข้าไปยังพื้นที่ประสบภัยบางแห่งทางเหนือของศรีลังกาได้เช่นกัน โดยเริ่มมีการสร้างบ้านในเมือง Jaffna ไปแล้ว 9 ร้อยหลังซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน คุณอัล ปานิโซ่ กล่าวทิ้งท้ายว่า หลังจากผ่านไป 5 ปี ชุมชนตามชายฝั่งต่างๆในหลายๆ ประเทศเริ่มมีการติดตั้งระบบเตือนภัยธรรมชาติล่วงหน้าที่ดีขึ้น อีกทั้งประชาชนก็มีความรู้ความเข้าใจมากกว่าเดิม ในการเตรียมรับมือสถานการณ์หรือภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด


XS
SM
MD
LG