ลิ้งค์เชื่อมต่อ

สถานการณ์การฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจโลกของจีน


ในขณะที่ปี 2009 กำลังจะสิ้นสุด ทางเอเชียมีสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า จีนได้ฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกแล้ว และกำลังอยู่ในเส้นทางของการสร้างเศรษฐกิจ ที่อาจจะเติบโตรวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม บรรดานักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า ยังคงมีประเด็นที่น่ากังวลบางอย่างที่ติดตามมากับความพยายามกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ของพญามังกรแห่งเอเชียอยู่

ข้อมูลทางเศรษฐกิจชิ้นใหม่ชี้ว่า ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศของจีนในปีนี้ น่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 8% และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายนสูงขึ้นมากกว่า 19% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นเกือบ 27% ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้จ่ายของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขทางเศรษฐกิจด้านต่างๆ จะดูดี แต่ปริมาณการส่งออกสินค้าจีนเมื่อเดือนพฤศจิกายนกลับลดลง 1% เทียบกับปีที่แล้วนะครับ คุณ Michael Pettis ศาสตราจารย์ด้านการเงินแห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ระบุว่า ตัวเลขการส่งออกดังกล่าว ก่อให้เกิดการถกเถียงถึงความมั่นคงแข็งแรงของเศรษฐกิจจีน

ศาสตราจารย์ Pettis ชี้ว่า หากเป็นคนมองโลกในแง่ดี จะเห็นว่าเศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัว ตัวเลขเกือบทุกอย่างต่างดูดีทั้งการผลิตและการลงทุน แต่หากมองโลกในแง่ร้าย จะพบว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนั้นอาจนำไปสู่ปัญหาการลงทุนมากเกินไป และภาวะฟองสบู่ ในขณะเดียวกัน บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจบางคนเป็นห่วงว่า ภาคการส่งออกของจีนจะลดขนาดลง โรงงานต่างๆ มีต้นทุนค่าแรงและค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ สูงขึ้น และคาดกันว่าค่าเงินหยวนอาจจะอ่อนตัว ซึ่งปัญหาที่กล่าวมาล้วนนำไปสู่ความหวั่นเกรงว่าโรงงานต่างๆ ในประเทศจีนอาจต้องปิดตัวลง และนั่นคือความท้าทายของรัฐบาลจีน

ความต้องการสินค้าส่งออกจากจีน เริ่มลดลงตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่รัฐบาลจีนเริ่มใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่นลดอัตราดอกเบี้ย สนับสนุนการปล่อยสินเชื่อ รวมทั้งลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ มูลค่าหลายพันล้านดอลล่าร์ อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าความพยายามเหล่านั้น อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ ราคาหุ้นและสินทรัพย์อื่นๆ เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนอาจเกิดภาวะฟองสบู่ได้ โดยเฉพาะในตลาดอสังหาริมทรัพย์

แต่รัฐบาลจีนก็มิได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ โดยได้เริ่มชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจบ้างแล้ว ตัวอย่างเช่นตัวเลขการปล่อยสินเชื่อในปีหน้า ที่คาดว่าจะลดลงจากปี 2009 คิดเป็นมูลค่าราว 2 แสนล้านดอลล่าร์ นอกจากนี้ ในส่วนของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ยังมีแผนเพิ่มอัตราภาษีโรงเรือนและที่ดิน ตลอดจนเพิ่มจำนวนที่อยู่อาศัยราคาระดับต่ำ ถึงระดับปานกลาง เพื่อลดความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม คุณ Andy Xie นักเศรษฐศาสตร์ในนครเซี่ยงไฮ้เตือนว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์จีน อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการขึ้น อัตราดอกเบี้ยของระบบธนาคารกลางสหรัฐ

คุณ Xie บอกว่าเมื่อเกิดภาวะเงินเฟ้อ ระบบธนาคารกลางสหรัฐ จะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งจะส่งผลให้ฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกแตกออก และนั่นจะทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกครั้งใหม่ที่รุนแรงไม่แพ้ครั้งที่เพิ่งเกิดขึ้น บรรดานักเศรษฐศาสตร์แนะนำว่า การที่รัฐบาลจีนจะลดการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ควรกระทำอย่างระมัดระวัง เพราะหากตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในทันทีพร้อมทั้งลดการใช้จ่ายของภาครัฐเร็วเกินไป ก็อาจส่งผลสะเทือนต่อภาคธุรกิจได้

XS
SM
MD
LG