การประชุมเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่กรุงโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์กในวันที่ 2 กำลังจะจบลงแล้ว โดยที่ประชุมได้เน้นย้ำว่า ภาวะโลกร้อนกำลังเกิดขึ้นและเรียกร้องให้เกิดข้อตกลงที่เข้มแข็ง และสามารถนำไปปฏิบัติใช้ได้จริงในช่วงการประชุมที่เหลืออีกราว 10 วัน
การเจรจาหารืออย่างจริงจังเพื่อหามาตรการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน ระหว่างการประชุมเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่กรุงโคเปนเฮเก้น เริ่มขึ้นแล้ว เป้าหมายคือการหาวิธีลดปริมาณก๊าซที่เป็นสาเหตุของปรากฎการณ์เรือนกระจก สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการลงทุน รวมทั้งช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาให้ปรับตัวเข้ากับเงื่อนไขใหม่ๆ ด้วย
Yvo de Boer เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสภาพภูมิอากาศ ขององค์การสหประชาชาติ ย้ำเตือนบรรดาผู้แทนในการประชุมว่า ในช่วงสัปดาห์หน้า จำเป็นต้องมีข้อเสนอที่เข้มแข็งซึ่งสามารถนำไปสู่การ่างข้อตกลงของผลลัพธ์ที่เห็นพ้องร่วมกันได้
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก รายงานว่า ทศรรษนี้อาจจะเป็นทศวรรษที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้นมากที่สุด และปี 2009 คือปีที่มีอากาศร้อนเป็นอันดับ 5 นับตั้งแต่มีการเก็บสถิติมาเมื่อปี 1850 คุณ Michel Jarraud ผอ.องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก กล่าวว่า ปีนี้หลายประเทศในโลกมีอุณหภูมิสูงกว่าระดับปกติ โดยเฉพาะพื้นที่ส่วนใหญ่ในเอเชียใต้ และอาฟริกากลาง ซึ่งอุณหภูมิเพิ่มขึ้นสูงสุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า สาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อนคือการกระทำของมนุษย์ โดยเฉพาะการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และการตัดไม้ทำลายป่า แต่ก็มีหลายคนที่เชื่อว่า ภาวะโลกร้อนคือส่วนหนึ่งของวงจรการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามธรรมชาติ
ที่กรุงโคเปนเฮเก้น ผู้เข้าร่วมประชุมกำลังพยายามคิดหาวิธี ที่ประชาชนและรัฐบาลประเทศต่างๆสามารถทำได้ เพื่อช่วยลดปริมาณก๊าซที่เป็นสาเหตุของปรากฎการเรือนกระจก บรรดานักวิทยาศาสตร์ระบุว่า จำเป็นต้องลดปริมาณก๊าซดังกล่าวให้ได้ราว 25-40% เพื่อควบคุมภาวะโลกร้อน เวลานี้ทั้งสหภาพยุโรป จีนและอินเดีย ต่างให้คำมั่นว่าจะลดปริมาณก๊าซคาร์บอนให้ถึงระดับที่นักวิทยาศาสตร์แนะนำ ในขณะที่สหรัฐยังคงรอการอนุมัติเรื่องนี้จากรัฐสภาอเมริกัน
และเมื่อวานนี้ที่กรุงวอชิงตัน สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมของสหรัฐหรือ EPA มีคำแถลงว่า ก๊าซที่เป็นสาเหตุของปรากฎการณ์เรือนกระจกนั้น คือภัยคุกคามสุขภาพและสวัสดิภาพของประชาชนอเมริกัน ซึ่งคำแถลงนี้เป็นการปูทางให้ EPA สามารถกำหนดกฎเกณฑ์เพื่อควบคุมปริมาณก๊าซคาร์บอนได้ หากรัฐสภาสหรัฐไม่อนุมัติตามข้อเสนอของรัฐบาลชุดประธานาธิบดีโอบาม่า ข่าวนี้ถือเป็นข่าวดีของผู้ร่วมประชุมที่กรุงโคเปนเฮเก้น
อย่างไรก็ตาม คุณ Damon Moglen ผอ.โครงการต่อสู้ภาวะโลกร้อนขององค์กรด้านสิ่งแวดล้อม Greenpeace บอกว่านี่เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น
คุณ Moglen กล่าวกับวีโอเอว่า นี่เป็นก้าวแรกที่สำคัญ แต่ก็ยังต้องการเห็น EPA เข้ามาจัดการควบคุมปริมาณก๊าซที่เป็นสาเหตุของปรากฎการณ์เรือนกระจกในทันที รวมทั้งต้องการให้มีมาตรการที่แข็งกร้าวในการควบคุมก๊าซดังกล่าวด้วย คุณ Moglen ยังบอกด้วยว่า คำแถลงของ EPA นั้นอาจถูกมองว่าเป็นท่าทีทางการเมืองได้ นอกเสียจากว่า สหรัฐจะยื่นข้อเสนอลดปริมาณก๊าซคาร์บอนในระดับที่สูงขึ้น และว่าประธานาธิบดีโอบาม่า ควรรับบทบาทนำในการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนในช่วงที่ผู้นำสหรัฐ จะเดินทางมาร่วมประชุมที่กรุงโคเปนเฮเก้นในสัปดาห์หน้า
