ที่บริเวณเขตก่อสร้างอุโมงค์สำหรับรางรถไฟลอดใต้น้ำ ในนครอิสตันบุล ประเทศตุรกี กำลังเกิดความขัดแย้งครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่ง ระหว่างการพัฒนาตามโลกสมัยใหม่กับการอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ เมื่อคนงานที่กำลังสำรวจพื้นที่ก่อสร้างโครงการรางรถไฟเชื่อมเอเชียกับยุโรปที่เรียกว่า Marmaray ค้นพบซากของส่วนที่เคยเป็นท่าเรือ Byzantine ในอดีต
บริเวณเขตก่อสร้างอุโมงค์สำหรับรางรถไฟลอดใต้น้ำแห่งใหม่ ของนครอิสตันบุล นักโบราณคดีกำลังทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อขุดหาซากวัตถุโบราณ วัตถุโบราณที่ค้นพบแล้วนั้น มีตั้งแต่หม้อดินเผานับพันๆใบที่เคยใช้ใส่สินค้า และเรือสินค้าที่จมลงใต้น้ำมากกว่า 1 พันปีจำนวนไม่น้อยกว่า 34 ลำ
คุณ Zeynep Kiziltan หัวหน้าพิพิธภัณฑ์โบราณคดีในนครอิสตันบุล เล่าว่า ท่าเรือแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 4 และใช้มาจนถึงศตวรรษที่ 11 เรือที่ขุดพบนั้นใช้ขนส่งอาหาร โดยเฉพาะเมล็ดข้าวมาจากอียิปต์ ถือว่าเป็นท่าเรือการค้าสากลในช่วงเวลานั้น คุณ Kiziltan บอกว่าสำหรับเธอแล้ว นี่เป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ทีเดียว
ในขณะเดียวกัน ที่ท่าเรือโบราณแห่งนี้กำลังมีก่อสร้างอุโมงค์ สำหรับรางรถไฟลอดใต้น้ำโครงการใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งวิศวกรโครงการก็กำลังพยายามขุดเจาะอุโมงค์ เชื่อมระหว่าง 2 ฝั่งของนครอิสตันบุลเพื่อลดปัญหาการจราจร โดยจะป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายรถไฟใต้ดิน ที่ใช้ขนส่งผู้คนนับล้านคนต่อวันผ่านทางอุโมงค์นี้ แต่การค้นพบทางโบราณคดี ได้ทำให้การดำเนินการก่อสร้างต้องหยุดชะงักมาแล้วถึง 3 ปี ถือเป็นฝันร้ายของวิศวกรผู้ดูแลโครงการ อย่างไรก็ตาม คุณ Emre Can หัวหน้าวิศวกรโครงการรางรถไฟ Marmaray นี้ บอกว่า แม้การก่อสร้างจะต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ต้นทุนก็เพิ่มขึ้น แต่ในเมื่อรอมาแล้วถึงหนึ่งร้อยปี รออีกแค่ 3 ปีก็คงจะได้
แต่ความล่าช้าที่เกิดขึ้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อโครงการก่อสร้างอุโมงค์ที่อยู่ลึกลงไป 50 เมตรจากทางน้ำ Bosphorus เท่านั้น แต่ยังมีผลต่อเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ ที่ต้องการเดินทางผ่านทางน้ำนี้เช่นกัน โดยเฉพาะเรือขนส่งน้ำมันจากรัสเซีย อย่างไรก็ดี คุณ Kan Ozdemir นักโบราณคดีอีกผู้หนึ่งเชื่อว่า ทุกฝ่ายต่างตระหนักดีต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
คุณ Ozdemir บอกว่า ทุกคนทราบดีถึงแรงกดดันด้านเวลา เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการระดับชาติ และมีต้นทุนสูง ทางด้านนักโบราณคดีเองก็กำลังเร่งทำงานอย่างเร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้ แต่งานนี้เป็นงานที่ต้องใช้เวลา ในขณะที่คุณ Kiziltan หัวหน้าคณะนักโบราณคดีเผยว่า เกิดความขัดแย้งระหว่างผู้ขุดหาซากวัตถุโบราณ กับผู้ขุดเจาะอุโมงค์หลายต่อหลายครั้ง บางทีคนงานก่อสร้างต้องการจะทำงานในที่ที่นักโบราณคดี ยังทำงานไม่เสร็จ บางทีก็มีเครื่องมือก่อสร้างมาจ่ออยู่ที่หลัง คล้ายๆกับจะเป็นการข่มขู่คุกคาม นักโบราณคดีผู้นี้กล่าวส่งท้ายว่า สุดท้ายการขุดหาซากวัตถุโบราณจะต้องสำเร็จเสร็จสิ้นอย่างแน่นอน เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เท่านั้นเอง