ลิ้งค์เชื่อมต่อ

WHO แนะ การเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่ อาจช่วยชีวิตเด็กได้ปีละหลายล้านคน


องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า การให้แม่ลูกอ่อนเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตนเอง อาจช่วยชีวิตเด็กได้ปีละราว1,300,000 คน ในสัปดาห์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ปีนี้ จากวันที่ 1 – 7 สิงหาคม องค์การอนามัยโลกมุ่งเน้นความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในฐานะที่เป็นมาตรการช่วยชีวิต โดยเฉพาะในยามฉุกเฉิน

องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า แม่ลูกอ่อนทั่วโลกไม่ถึง 40 % เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตนเองในช่วง 6 เดือนแรก เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า หากสามารถเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ได้ถึง 90 % ก็จะสามารถป้องกันการเสียชีวิตในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีในประเทศกำลังพัฒนาลงได้ 13 %

แพทย์หญิง Constanza Vallenas เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์แผนกสุขภาพและการพัฒนาของเด็กและเยาวชน ขององค์การอนามัยโลกกล่าวว่า น้ำนมแม่ให้สารอาหารและปัจจัยต้านภูมิต้านทานที่มีความสำคัญในการป้องกันเด็กอ่อนจากการติดเชื้อร้ายแรง อย่างท้องร่วงหรือปอดอักเสบ แล้วยังช่วยป้องกันโรคขาดสารอาหารอีกด้วย

เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก และกองทุนเด็กของสหประชาชาติ UNICEF เสนอแนะว่า เด็กอ่อนควรได้รับการเลี้ยงด้วยน้ำนมแม่อย่างเดียว ซึ่งหมายความว่า ไม่ให้ให้อาหารอื่นแม้แต่น้ำจนกว่าจะอายุครบ 6 เดือน จากนั้น การเลี้ยงด้วยน้ำนมแม่ควรดำเนินต่อไปโดยมีอาหารอื่นเสริมตามสมควรจนกว่าจะอายุ 2 ปีหรือมากกว่านั้น

แพทย์หญิง Constanza Vallenas กล่าวว่า แม่ลูกอ่อนจำนวนมากเลิกสนใจการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตนเอง เพราะไม่ทราบวิธีที่ถูกต้องในการให้นมลูก หรือเพราะรู้สึกเจ็บและไม่สะดวก ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับผู้หญิงทั้งในประเทศร่ำรวยแ ละประเทศกำลังพัฒนา แต่เธอเห็นว่าปัญหานี้แก้ได้ด้วยการให้ความสนับสนุนแก่แม่ลูกอ่อน ให้รู้จักวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง

องค์การหน่วยงานต่างๆ ที่สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ รวมทั้งองค์การอนามัยโลกและ UNICEF กำลังอาศัยสัปดาห์นี้ ในการเน้นย้ำประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างภัยธรรมชาติหรือเหตุการณ์รุนแรงจากน้ำมือมนุษย์

แพทย์หญิง Constanza Vallenas กล่าวว่า แม้ว่าแม่จะหยุดเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมตนเองไปชั่วระยะหนึ่งและน้ำนมแห้งไป แต่ก็อาจกลับมีน้ำนมแล ะให้นมลูกได้ใหม่ หากได้รับการแนะนำในการปฏิบัติที่ถูกต้องเหมาะสม และการสนับสนุนจากผู้มีความรู้ความชำนาญ

องค์การอนามัยโลกแนะนำด้วยว่า หญิงมีครรภ์ควรได้รับคำเตือนให้ตระหนักถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่มีอยู่ ตั้งแต่ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ไปจนถึงไข้หวัดใหญ่ AH1N1 และว่าหญิงมีครรภ์ควรให้ความสำคัญอันดับสูงในการรับยาต้านไวรัสอย่าง ทามิฟลู


XS
SM
MD
LG