เลขาธิการสหประชาชาติ บาน กี-มูนไปเยือนพม่าในวันศุกร์ เพื่อกดดันพม่าให้ปล่อยนักโทษการเมือง และทำความประนีประนอมรอมชอมภายในชาติ
เลขาธิการสหประชาชาติไปเยือนพม่า ในยามที่คณะทหารผู้ปกครองพม่ากำลังพยายามที่จะจำคุกนางออง ซาน ซู จีอาจเป็นเวลานานถึง 5 ปีในข้อหาที่น่าเคลือบแคลงสงสัย ผู้สื่อข่าว Voice of America แดเนียล เชิร์ฟรายงานจากกรุงเทพมหานครว่า กลุ่มที่ต่อสู้เพื่อสิทธิกลุ่มต่างๆ และรัฐบาลพม่าพลัดถิ่นกำลังหวังใจว่า การแทรกแซงของเลขาธิการสหประชาชาติ จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
การพิจารณาคดีนาง ออง ซาน ซูจี ผู้นำของพรรคฝ่ายค้านที่นิยมประชาธิปไตย จะกลับดำเนินต่อไปใหม่ขณะที่เลขาธิการสหประชาชาติ บาน กี-มูนเดินทางไปถึงพม่าเพื่อเจรจากับคณะทหารผู้ปกครองประเทศนั้น
นาย บาน กี-มูนหวังใจว่าจะเกลี้ยกล่อมคณะทหาร ให้ปล่อยนักโทษการเมืองรวมทั้งนาง ออง ซาน ซูจีด้วย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในปีหน้า นาย บาน กี-มูนยอมรับว่าการเยือนพม่าของเขามีขึ้นในช่วงที่ละเอียดอ่อนมาก
นาย บาน กี-มูนกล่าวไว้ตอนนี้ว่า "ขณะที่รู้สึกถึงความวิตกห่วงใย ของประชาคมระหว่างประเทศเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าพเจ้าจะพยายามใช้การเยือนพม่า ในฐานะเป็นช่องทางที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของรัฐบาลพม่า ตระหนักถึงความวิตกห่วงใยของประชาคมระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาตินั้น อย่างหนักแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้"
ยังไม่ทราบชัดว่านาย บาน กี-มูนจะได้พบกับนาง ออง ซาน ซูจี หรือไม่? ผู้แทนของสหประชาชาติผลักดันรัฐบาลพม่า ให้ปล่อยนักโทษการเมืองทุกคน และให้สนับสนุนประชาธิปไตยมานานแล้ว แต่ในช่วงสองปีหลัง ผู้ถูกคุมขังฐานต่อต้านการปกครอง ของคณะทหารมีจำนวนเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าตัวคือสองพันกว่าคน
คุณเบนจามิน ซาแวกกี้แห่งองค์กรนิรโทษกรรมสากล ประจำกรุงเทพมหานครกล่าวว่าการจับกุมผู้คนเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการของคณะทหาร ที่จะกำจัดฝ่ายตรงข้ามก่อนถึงช่วงที่จะมีการเลือกตั้งในปีหน้า
เขากล่าวไว้ตอนนี้ว่า "เห็นได้ชัดว่าเรื่องนั้นเป็นตัวขับดันให้คณะทหารมุ่งที่จะขังนางออง ซาน ซูจีไว้ในคุกหรือไม่ก็ทำให้นางออกไปให้พ้นทาง พวกเขาขังลืมฝ่ายตรงข้าม และผมขอพูดว่าเป็นการขังลืมเพราะพวกเขาตัดสินลงโทษจำคุกคนเหล่านั้นนานผิดวิสัย และส่งคนเหล่านั้นไปอยู่ในคุกที่อยู่ห่างไกลออกไปมากที่สุด"
คุณ ซิน ลินน์ โฆษกของรัฐบาลพม่าพลัดถิ่นที่ประเทศไทยกล่าวว่า นาย บาน กี-มูนควรกดดันผู้นำฝ่ายทหารของพม่าให้เจรจาต่อรองกับนาง ออง ซาน ซูจี ผู้นำของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งชะนะการเลือกตั้งเมื่อปีพุทธศักราช 2533 แต่คณะทหารไม่เคยยอมให้เข้าครองอำนาจนั้น เขากล่าวด้วยว่า นาง ออง ซาน ซูจีเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถนำชนเผ่าต่างๆ ในพม่าให้หันหน้าเข้าหากันได้
เขากล่าวไว้ตอนนี้ว่า "เรื่องสำคัญที่สุดที่นายบาน กี-มูนควรเสนอแนะก็คือให้หัวหน้าของรัฐบาลทหารพม่าปรึกษาหารือกับนาง ออง ซาน ซูจีเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศ ถ้าไม่ทำเช่นนั้น จะเกิดผลสะท้อนที่ไม่ดีนักตามมา "
การเดินทางไปเยือนพม่าของเลขาธิการสหประชาชาติ มีขึ้นหลังการที่เขาไปเยือนพม่าซึ่งประสพความวิบัติเนื่องจากพายุไซโคลนนากิสเมื่อปีที่แล้ว เขาช่วยเกลี้ยกล่อมให้คณะทหารยอมเปิดประเทศรับความช่วยเหลือของประเทศต่างๆ
ผู้สนับสนุนประชาธิปไตยหวังใจว่า การเยือนพม่าของนาย บาน กี-มูนครั้งนี้จะช่วยทำให้พวกผู้นำพม่ายอมเปิดคุก แต่นายอิบราฮิม กัมบารี ผู้แทนสหประชาชาติที่รับผิดชอบด้านพม่าประสพความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อย ระหว่างการไปเยือนพม่าหลายครั้งนับตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2549 เป็นต้นมา ตั้งแต่นั้นมาสถานการณ์ทางการเมือง และทางด้านมนุษยธรรมเลวร้ายลงไปอย่างมากมาย
