การที่เศรษฐกิจจีนยังคงเจริญขยายตัวต่อไป ทำให้คนจากทั่วโลกรวมทั้งชาวแอฟริกาเดินทางมาอยู่ที่เมืองจีน โดยส่วนมากมาทำธุรกิจ
ในตอนบ่ายวันอาทิตย์ ชาวแอฟริกานับพันๆ คนจะไปฟังคำเทศน์เป็นภาษาอังกฤษที่โบสถ์ Sacred Heart Stone House ในนครกว่างโจ๊ว มีคนมาฟังคำเทศน์ทางศาสนาคริสต์กันแน่นจนล้นออกมานอกโบสถ์ ผู้ที่เฝ้าอยู่ตรงประตู ต้องพยายามกันมิให้ผู้ที่มาหลังจากพิธีทางศาสนาเริ่มขึ้นแล้วนั้นเข้าไปในโบสถ์แห่งนั้น เมื่อปีพุทธศักราช 2550 กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า จีนแซงหน้าฝรั่งเศสและครองตำแหน่งประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่งของแอฟริกาแทนไปแล้ว เมื่อปีที่แล้ว การค้าระหว่างจีนและแอฟริกามีวงเงินหนึ่งแสนเจ็ดพันล้านกว่าเหรียญสหรัฐ ซึ่งนับว่าสูงเป็นประวัติการณ์
ในหมู่ชาวแอฟริการาวสองหมื่นคน ผู้พำนักอยู่ในนครกว่างโจ๊วขณะนี้ จำนวนมากทีเดียวมาเพราะมองเห็นว่าช่องทางประกอบธุรกิจการค้ามีมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ชาวแอฟริกาที่เต็มใจคุยกับผู้สื่อข่าวนั้นมีไม่กี่คน เหตุผลประการหนึ่งก็คือว่าสถานภาพทางกฎหมายของพวกเขายังคลุมเครืออยู่
คุณ เมิ้ง เจีย ผู้กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเธออีกสองสามคนกำลังทำการศึกษาวิจัย เกี่ยวกับชาวต่างชาติในนครกว่างโจ๊ว เธอกล่าวไว้ตอนนี้ว่า "ในประเทศของเรายังขาดนโยบายที่แท้จริง สำหรับปฏิบัติต่อชาวต่างชาติผู้อพยพเข้ามา ดังนั้น คนผิวดำจำนวนมากผู้พำนักอยู่ที่นี่ในขณะนี้จึงอยู่ในฐานะที่อึดอัดใจ"
นายเชา ชาวนครกว่างโจ๊วอีกคนหนึ่งขับรถแท็กซี่รับจ้างมาหกปีแล้ว เขากล่าวว่าสามัญชนชาวจีนจำนวนมากมองชาวแอฟริกาไปในทางที่ไม่สู้จะดีนัก แต่ตัวเขามองเห็นว่าการมีชาวแอฟริกาที่นครกว่างโจ๊วมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นประโยชน์ต่อจีนเอง
เขากล่าวไว้ตอนนี้ว่า "เรื่องนั้นหมายถึงว่าเรามีโอกาสที่จะได้ติดต่อกับคนจากทั่วโลกมากขึ้น ถ้ามีคนต่างชาติมาอยู่ที่เมืองจีนมากเท่าไหร่ เราก็จะรู้สึกได้ว่าจีนเจริญก้าวหน้าไปดีทีเดียว"
ระวันดาเป็นหนึ่งในบรรดาประเทศทางแอฟริกา ที่เปิดสำนักงานพาณิชย์ที่เมืองเจิ๋นเซิ่น อันเป็นเมืองที่เศรษฐกิจเจริญมากเป็นที่สองรองจากนครกว่างโจ๊ว ตอนเปิดสำนักงานพาณิชย์แห่งนั้นเมื่อสี่ปีมาแล้ว สำนักงานมีพนักงานหนึ่งคน แต่ตอนนี้มีพนักงานเพิ่มขึ้นเป็นห้าคนแล้ว
เอกอัครราชทูตระวันดา เบน รูกานกาซี กล่าวว่า ชาวระวันดาในภาคใต้ของจีนเข้ากับชาวแอฟริกาอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย ท่านทูตกล่าวไว้ตอนนี้ว่า "สำหรับชาวแอฟริกา เมื่อมาถึงนครกว่างโจ๊วและมาอยู่ในสังคมที่มีวัฒนธรรม และภาษาที่แตกต่างออกไปจากของตัวเขา และเขาพบชาวแอฟริกาผู้ที่สามารถติดต่อคบหากันได้ง่าย และเข้ากันได้ทำให้เขารู้สึกถึงความเป็นชาวแอฟริกาด้วยกันอย่างแน่นแฟ้น"
ชาวแอฟริกาในนครกว่างโจ๊วมาจากส่วนต่างๆ ของทวีปแอฟริกา แต่ชาวคองโก ไนจีเรียและมาลีมีจำนวนมากกว่าเพื่อน
แต่ในขณะที่ชาวแอฟริกาคบหาสมาคมกันได้อย่างสนิทสนมดี แต่นักศึกษา เมิ้ง เจีย กล่าวว่า พวกเขาแทบจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กับชาวจีน ในนครกว่างโจ๊วเลย พวกเขาอยู่แยกต่างหากจากชาวนครกว่างโจ๊วและต่างฝ่ายต่างไม่ค่อยรู้จักนิสัยใจคอของกันและกัน คุณเมิ้งเจียกล่าวว่า การศึกษาวิจัยอย่างที่เธอทำอยู่มีจุดมุ่งจะทำให้ชาวจีนเข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ ของชาวแอฟริกาในเมืองจีนดีขึ้น และว่าเรื่องนั้น เป็นเรื่องที่ทวีความรีบด่วนมากขึ้น ขณะที่ชาวแอฟริกาในภาคใต้ของจีนมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ