องค์การแรงงานระหว่างประเทศกล่าวเตือนว่า วิกฤติเศรษฐกิจโลกที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ จะเพิ่มคนว่างงานขึ้นทั่วโลก และเกือบครึ่งหนึ่งจะเป็นผู้หญิง และว่ายิ่งภาวะวิกฤติดำเนินไปนาน และลึกซึ้งมากเพียงใด โอกาสที่แรงงานสตรีจะหางานดีๆ ได้ ก็จะยากมากขึ้นไปด้วย
ตัวเลขคนว่างงานที่ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือ ILO คาดการณ์ไว้ จะเพิ่มขึ้นระหว่าง 24 ถึง 52 ล้านคนทั่วโลก และในจำนวนนี้ จะเป็นแรงงานหญิงราวๆ 22 ล้านคน
ในปีที่แล้ว เกือบครึ่งหนึ่งของแรงงานสามพันล้านคนทั่วโลก เป็นผู้หญิง และอัตราการว่างงานของแรงงานหญิงในปีที่แล้ว 6.3 % เปรียบเทียบกับอัตราการว่างงานของแรงงานชาย ซึ่งอยู่ที่ 5.9 %
สำหรับปี 2009 คุณ โฮเซ่ ซาลาซ่าร์ ผู้อำนวยการบริหารของฝ่ายการจ้างงานของ ILO บอกว่า สถานการณ์จะเลวลง โดยอัตราการว่างงานของแรงงานหญิงอาจสูงขึ้นถึง 7.4 % ในขณะที่ของแรงงานชายอาจเท่ากับ 7 % ถ้วน
ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการจ้างงานของ ILO บอกว่าในเกือบจะทุกภูมิภาคของโลก คาดว่าผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจในด้านการจ้างงาน จะทำความเสียหายให้กับแรงงานหญิงมากกว่าแรงงานชาย ภูมิภาคที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือในลาติน อเมริกา และในแถบทะเลแคริบเบียน
เจ้าหน้าที่ของ ILO ผู้นี้บอกว่า ภูมิภาคที่คาดว่าแรงงานหญิงจะได้รับความเสียหายน้อยกว่าที่อื่นๆ คือ เอเชียตะวันออก ระบบเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้ว ชาติต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ที่มิได้เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป รวมทั้งประเทศที่เคยเป็นสมาชิกอยู่ในอดีตสหภาพโซเวียต และว่าที่เป็นเช่นนั้น เพราะแรงงานหญิง หรือผู้หญิงในประเทศเหล่านั้นมีปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียมกันทางเพศน้อยกว่า
อย่างไรก็ตาม คุณโฮเซ่ ซาลาซ่าร์ ผู้อำนวยการบริหารของฝ่ายการจ้างงานของ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่กำลังเกิดขึ้นครั้งนี้ โดยทั่วไปแล้วจะส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานในประเทศกำลังพัฒนามากกว่าที่อื่น และแรงงานชายจะถูกกระทบกระเทือนมากกว่า
เจ้าหน้าที่ ILO กล่าวว่า ในประเทศตะวันตก จำนวนผู้ชายตกงานมากกว่าผู้หญิง โดยยกตัวอย่างตัวเลขข้อมูลในสหรัฐเมื่อเร็วๆ นี้ ที่แสดงให้เห็นว่า ผู้ชายตกงานมากกว่าผู้หญิงในแทบจะทุกภาคเศรษฐกิจ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ชายเป็นส่วนประกอบมากถึงสองในสามของแรงงานในภาคเศรษฐกิจต่างๆ ของประเทศอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นเหมืองแร่ อุตสาหกรรมการผลิต พลังงาน การก่อสร้าง หรือการขนส่ง