เป็นที่ทราบกันดีว่า ดูไบในสหอาหรับเอมิเรตต์คือศูนย์กลางด้านการเงิน และการพาณิชย์แห่งหนึ่งของโลก ภาพลักษณ์ของดูไบในสายตาของคนทั่วไป คือเมืองที่ทันสมัย มีโรงแรมและรีสอร์ทสุดหรูมากมาย ที่คอยรองรับนักธุรกิจจากทั่วทุกมุมโลก แต่ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยในปัจจุบัน ได้ส่งผลกระทบด้านลบต่อดูไบเช่นกัน
ในช่วงวันเวลาที่รุ่งโรจน์ของดูไบนั้น เราสามารถเห็นการก่อสร้างโรงแรม และรีสอร์ทปรากฎอยู่ทั่วไปเพื่อรองรับบรรดานักท่องเที่ยว และนักธุรกิจ คนงานก่อสร้างส่วนใหญ่คือชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวอินเดียและปากีสถาน ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดูไบกลายเป็นศูนย์กลางการเงิน และการค้าที่สำคัญของอ่าวเปอร์เซีย แต่ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ทำให้ความรุ่งเรืองดังกล่าวต้องหยุดชะงัก ปัจจุบันคนงานต่างชาติหลายหมื่นคนในดูไบต้องว่างงาน ต้องทนอยู่อย่างกระเบียดกระเสียรในเมืองที่ค่าครองชีพแพงมากแห่งนี้
คุณซาฟาร์ อับบาซี คนงานที่เพิ่งตกงานผู้หนึ่งบอกว่า เขาไม่มีเงินพอจ่ายค่าอาหาร ทุกอย่างที่นี่แพงมาก ไม่ว่าจะค่ายาหรือค่าเช่าบ้าน เพื่อนคนงานอีกหลายคนตกงานมานับเดือนแล้ว พวกเขาบอกว่าไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ เนื่องจากนายจ้างริบหนังสือเดินทางไว้แล้ว สั่งให้พวกเขารอจนกว่าจะมีงานมาให้ทำ
เวลานี้ มากกว่าครึ่งหนึ่งของโครงการทั้งหมดในดูไบ ถูกสั่งพักการก่อสร้างไว้ชั่วคราว รวมมูลค่าราว 582,000 ล้านดอลล่าร์ แม้บางโครงการจะได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลสหอาหรับเอมิเรตต์ให้ดำเนินการก่อสร้างต่อไป แต่คนงานที่ตกงาน และยังขยับไปไหนไม่ได้ก็ยังคงมีจำนวนไม่น้อย จนองค์การแรงงานระหว่างประเทศต้องยื่นมือช่วยเหลือ ด้วยการกดดันให้มีมาตรการปกป้องบรรดาแรงงานไร้ฝีมือหลายแสนคน ในดูไบมากขึ้น รวมถึงการกดดันให้นายจ้าง เลิกใช้วิธีเก็บหนังสือเดินทางของคนงานเหล่านั้นไว้ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่เป็นวิธีที่นายจ้างใช้กันอยู่ทั่วไปเพื่อป้องกันไม่ให้คนงานต่างชาติ ภายใต้การสนับสนุนของนายจ้างผู้นั้นมีโอกาสไปหางานทำที่อื่น
ในอีกด้านหนึ่ง บรรดาแรงงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาชาวตะวันตก ก็พากันเดินทางออกจากดูไบเช่นกัน เมื่อเร็วๆ นี้สำนักข่าวต่างชาติรายงานว่า มีรถยนต์จอดทิ้งไว้ถึง 3 พันคันบริเวณที่จอดรถ ของท่าอากาศยานดูไบ รายงานระบุว่ารถยนต์เหล่านั้นเป็นของแรงงานมีฝีมือชาวต่างชาติ ที่ตัดสินใจหนีกลับประเทศเนื่องจากหนี้สินพอกพูน แต่ทางตำรวจดูไบปฎิเสธข่าวดังกล่าว
คุณริชาร์ด ธอมป์สัน บรรณาธิการหนังสือ Middle East Economic Digest กล่าวว่า เวลานี้ทางรัฐบาลดูไบเริ่มตอบสนอง ต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้ว ด้วยโครงการให้เงินกู้ราว 2 หมื่นล้านดอลล่าร์ ซึ่งคาดว่าในระยะสั้น น่าจะพอช่วยพยุงฐานะการเงินของบริษัทต่างๆ และนำเสถียรภาพมาสู่ระบบเศรษฐกิจได้
คุณธอมป์สันยังบอกด้วยว่า เมื่อราคาน้ำมันดิบโลกกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง และแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มแสดงผล ธนาคารต่างๆ ในดูไบน่าจะสามารถกลับมาปล่อยเงินกู้ได้อีกในช่วง 6 เดือนหลังของของปีนี้ ซึ่งนั่นจะเป็นการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของดูไบ
อย่างไรก็ตาม แม้นั่นจะเป็นการมองโลกในแง่ดี แต่สำหรับคนงานไร้ฝีมืออย่างคุณซาฟาร์ อับบาซี เขาบอกว่าความหวังเพียงอย่างเดียวของเขาในตอนนี้ คือต้องรีบหางานใหม่ให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะเป็นความหวังที่ริบหรี่ก็ตาม
นั่นก็เป็นเช่นเดียวกับความหวังของอีกหลายๆ คนที่ต้องการเห็นตึกระฟ้าที่ยังสร้างไม่เสร็จหลายแห่ง ซึ่งสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจของดูไบ กลับมายืนตระหง่านท้าทายสายตาชาวโลกได้ต่อไป