เป็นเวลา 20 ปีมาแล้วที่วงการแพทย์อเมริกันพยายามศึกษาวิจัย เกี่ยวกับพลังของจิตศรัทธาในการบำบัดรักษา ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์ทาง ตะวันตกไม่ค่อยรู้จัก มากนัก
ปัจจุบัน วิทยาลัยการแพทย์สหรัฐหลายต่อหลายแห่ง บรรจุการรักษาด้วยพลังทาง จิตไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอน และงานศึกษาหลายรายชี้ว่าการรักษาวิธีนี้ เป็นองค์ประ กอบสำคัญในการส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยเสริมกระบวนการรักษา เยียวยาผู้ป่วยที่นอกเหนือไปจากการบำบัดรักษาทางการแพทย์แบบปกติ ที่ใช้กันมาแต่เดิม
ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ การทำตัวให้ผสมกลมกลืนกับธรรมชาติ การทำสมาธิ หรือการฝึกโยคะ ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติกล่าวว่ามีคุณสมบัติอย่างเดียวกัน คือเป็นส่วนหนึ่ง ของชีวิตที่มีจิตศรัทธา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญใหญ่หลวงต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของคน เรา
คุณหมอ Christina Puchalski อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัย จอร์จ วอชิงตัน ซึ่งศึกษาเรื่องการรักษาด้วยวิธีทางจิตวิญญาณมานานกว่า 20 ปี ถามคนไข้ ของเธอว่า เขาคิดว่าความมีจิตศรัทธาเลื่อมใสของเขาเอง มีส่วนสำคัญต่อสุขภาพของ เขาหรือไม่ ซึ่งคนไข้ผู้นี้ก็ตอบว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเช้าวันไหนที่ตื่นขึ้นมาด้วย ความรู้สึกขุ่นมัวเศร้าหมอง ก็จะรู้สึกหดหู่ไปทั้งวัน
คุณยาย Vera Thompson อายุ 82 ปี ซึ่งนับถือศาสนาพุทธและปฏิบัติวิปัสสนา กรรมฐานมาร่วม 20 ปี เป็นหนึ่งในผู้ป่วยคนอื่นๆ อีกหลายคนที่ช่วยให้คุณหมอ Christina ได้เรียนรู้เข้าใจในเรื่องพลังของจิตศรัทธาในการเยียวยารักษาได้มากขึ้น คุณหมอ Christina บอกว่า ปัจจุบัน การบำบัดรักษาด้วยพลังจิตได้รับการยอมรับทางการแพทย์แล้ว ว่าได้ผลจริง ไม่ว่าจะปฏิบัติแบบใด ตามความเชื่อถือของศาสนาใดก็ตาม
คุณหมอ Christina ซึ่งเป็นทั้งผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาด้านจิต ศรัทธา และสุขภาพ จอร์จ วอชิงตันบอกว่าผู้ที่ฝึกจิตทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอมักจะ คลายจากความเศร้าโศกสะเทือนใจได้เร็วกว่าผู้ที่ไม่ได้ฝึกในด้านนี้ เขากล่าวว่าขณะ นี้มีการศึกษาวิจัยหลายรายที่ศึกษาระดับความดันโลหิต โดยสังเกตการทำสมาธิที่มีผลต่อ ความดันเลือด และความสามารถในการควบคุม หรือจัดการกับความเครียด คุณหมอ Christina Puchalski กล่าวว่า บทบาทที่สำคัญที่สุดของความมีจิตศรัทธา คือความ สามารถในการรับมือกับอาการเจ็บป่วยร้ายแรงต่างๆ รวมถึงความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน และความเครียด อย่างเช่น ในรายของคุณ Gwenda Martin ที่เพิ่งเข้ารับการผ่าตัดเอา เต้านมออกไปเพื่อรักษาโรคมะเร็งทรวงอก คุณ Gwenda ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังการผ่าตัด ซึ่งเธอเห็นว่าเป็นเพราะการคิดแต่ในทางที่ดี และการที่เธอมุ่งให้ความสนใจต่องานชุมชน ที่โบสถ์ Gwenda บอกว่าด้วยความรู้สึกที่ดีจากการปฏิบัติเช่นนั้น ทำให้เธอเชื่อว่าการผ่าตัด จะต้องผ่านไปด้วยดี
เมื่อคุณหมอ Christina พบคนไข้ เธอจะถามไถ่ด้วยความถามที่ต่างไปจากธรรมดา ถึงสุขภาพทางกาย ทางอารมณ์ ชีวิตทางสังคม และความเชื่อถือศรัทธา ซึ่งก็คือการพูด ถึงพลังของจิตใจนั่นเอง เธอบอกว่าเธอพยายามให้ร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณทำงาน สอดคล้องกันให้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม คุณหมอยอมรับว่าสังคมในโลกตะวันตกนั้น ถูกเทคโนโลยีและกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ครอบคลุมมากเกินไป จนทำให้การวัด ผลว่าสุขภาพจิตที่ดีจะมีผลต่อสุขภาพโดยรวมมากน้อยแค่ไหนนั้น ยังทำได้ยาก